อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทปรับลดประมาณการรายได้ปีนี้ลดลงเหลือโต 28% จากเดิมคาดโต 35% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 4,053 ล้านบาท โดยคาดอัตราการเข้าพักเฉลี่ยทั้งปี 58 (OCC) น่าจะอยู่ที่ 75% จากเดิมคาด 77% ทำให้รายได้เฉลี่ยต่อห้องพักเฉลี่ย(Rev PAR) น่าจะเติบโตได้เพียง 8% จากเดิมที่น่าจะโตได้ 14%
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ประกอบกับเหตุระเบิดที่แยกราชประสงค์ส่งผลต่อการตัดสินใจเข้ามาท่องเที่ยวและเข้าพักในประเทศไทย ทำให้ในช่วงไตรมาส 3/58 คาดว่าอัตราการเข้าพักจะอยู่ที่ 71% จากเดิมคาดไว้ที่ 76% แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะกลับสู่สภาพปกติภายในระยะเวลา 6-8 สัปดาห์ ขณะที่ยังมั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯมีการดำเนินธุรกิจทั้งในประเทศและต่างประเทศ
"ผลกระทบที่เกิดขึ้นเรามองว่าเป็นเหตุการณ์ระยะสั้นเท่านั้น ไม่ยืดเยื้อ เมื่อเทียบกับเหตุการณ์ทางการเมืองในปี 57 ซึ่งในช่วง 7 เดือนแรกที่ผ่านมา เรามีผลการดำเนินงานที่ดีมาก ขณะที่ในช่วงไตรมาส 3/58 เราก็มีการประเมินสถานการณ์ต่างๆ โดยมีการปรับลดอัตราการเข้าพักลดลง ส่วนการยกเลิกที่พักยังไม่เห็นชัดเจน เพียงแต่จะเป็นเรื่องของการตัดสินใจจองที่พักนานขึ้น ซึ่งเราก็รอดูสถานกาณ์อย่างใกล้ชิด"น.ส.กันยะรัตน์ กล่าว
สำหรับแผนขยายธุรกิจโรงแรมในปี 58 น.ส.กันยะรัตน์ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายจะเปิดโรงแรมแบรนด์ HOP INN ในปีนี้ 5 แห่ง ได้แก่ จ.พิษณุโลก ที่จะเปิดในไตรมาส 3/58 และที่เหลือจะเปิดในไตรมาส 4/58 คือ จ.นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ตรัง และ กระบี่ ขณะที่ปี 59 จะเปิดอีกจำนวน 10 แห่ง พร้อมทั้งยังคงแผนเปิดโรงแรมต่างประเทศ 5-6 แห่ง ภายในปี 60 ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้างโรงแรมที่ฟิลิปปินส์ 1 แห่ง คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในปลายปี 59 และก็อยู่ระหว่างศึกษาเปิดโรงแรมเพิ่มเติม ซึ่งมีที่ดินรองรับอยู่แล้วในฟิลิปปินส์ 3 แห่ง ที่น่าจะเริ่มพัฒนาได้ในเร็วๆนี้
สำหรับการจัดตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ( REIT) ที่คาดว่าจะจัดตั้งได้ในช่วงไตรมาส 4/58 นั้น บริษัทได้มีการพิจารณาเลื่อนออกไปก่อนเป็นปี 59 แทน เนื่องด้วยขอดูสภาพตลาด ให้มีความพร้อมต่อการลงทุนมากกว่านี้ และเพื่อให้ผู้ถือหน่วยลงทุนและนักลงทุนของ ERW ได้รับผลตอบแทนที่สูงสุด โดยขนาดของกอง REIT จะใกล้เคียงกับกองเดิมที่ 1,800 ล้านบาท