"บริษัทมั่นใจกำไรสุทธิปีนี้จะดีกว่าปีก่อน จากปีก่อนอยู่ที่ 1,003 ล้านบาท เป็นไปตามรายได้ที่เติบโตเพิ่มขึ้น ขณะนี้คาดอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 20% บวกลบ 5% และอัตรากำไรขั้นต้นก็น่าจะอยู่ที่ 30% บวกลบ 5%"นายยู ยูน กล่าว
ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างประมูลงานเพิ่มเติมอีกจำนวนทั้งสิ้น 9 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,500 ล้านบาท โดยคาดหวังจะได้รับงานมากกว่า 60% ซึ่งจะทราบผลได้ภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้า ทั้งนี้ เป็นงานโครงการ High Potential Projects ในประเทศบราซิล ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา ตะวันออกกลาง และในแถบเอเชีย
ทั้งนี้ บริษัทเพิ่งบรรลุข้อตกลงในการใช้พื้นที่บริเวณท่าเรือใน อ.สัตหีบ สำหรับเตรียมงานก่อสร้างและประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการทำงานเนื่องจากเป็นการลดระยะเวลาขนส่งและเพิ่มประสิทธิภาพในการประกอบกลุ่มชิ้นงานขนาดใหญ่ อีกทั้งยังเป็นการรองรับปริมาณงานในมือที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย
"บริษัทฯยังคงเน้นขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมพื้นที่หลายทวีปและหลายอุตสาหกรรมมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มฐานรายได้และเป็นกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ และถึงแม้ว่าเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายในประเทศจะชะลอตัว แต่งานโครงการใหม่ๆในอุตสาหกรรมหนักทั่วโลกยังคงเกิดขึ้น เพื่อรองรับความต้องการของประชากรที่เพิ่มขึ้น"นาย ยู ยูน กล่าว
พร้อมกันนี้ บริษัทก็อยู่ระหว่างเจรจาร่วมทุนกับพันธมิตรที่ดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนหลายราย คาดว่าน่าจะได้เห็นความชัดเจนได้ในปี 59 โดยบริษัทคาดหวังสัดส่วนการถือหุ้นราว 5-10% ซึ่งการร่วมทุนดังกล่าวจะเป็นการขยายไลน์ธุรกิจใหม่เพื่อรองรับการเติบโตในอนาคต รวมทั้งเพิ่มโอกาสในการรับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าที่เข้าถือหุ้นด้วย
นายยู ยูน กล่าวว่า บริษัทมองโอกาสเพื่อเข้าซื้อกิจการ(M&A)ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อซื้อกิจการในประเทศไทย เวียดนาม เกาหลีและออสเตรเลีย ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเดิม เพื่อเป็นการต่อยอดการเติบโต โดยคาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนได้ในปี 59
ขณะที่ในช่วงที่เหลือของปีนี้บริษัทยังเตรียมเดินทางไปโรดโชว์ให้กับนักลงทุนสถาบันที่ประเทศสิงคโปร์ ฮ่องกง และญี่ปุ่น ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าการไปโรดโชว์ดังกล่าวจะทำให้นักลงทุนต่างชาติเข้าใจธุรกิจบริษัทมากขึ้น และจะช่วยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนของนักลงทุนสถาบันในบริษัท จากปัจจุบันนักลงทุนสถาบันถือหุ้นบริษัทรวมกันราว 2%