แต่ปัจจุบัน บริษัทยังมียอดขายรอโอน(backlog) อยู่ราว 991 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ส่วนใหญ่ในปีนี้ ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีนี้จะทำรายได้ได้ตามเป้าหมายที่ 1,350 ล้านบาท แม้ว่าในช่วงครึ่งปีแรกจะมีรายได้เพียง 223 ล้านบาทเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีโครงการริมแม่น้ำเจ้าพระยา มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการรัตนาธิเบศร์ มูลค่า1.3 พันล้านบาท ที่จะเล้วเสร็จในช่วงปลายปีนี้และจะเริ่มทยอยโอนได้ปลายปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีโครงการเดิมที่สามารถขยายได้อีกมูลค่า 1.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการเตาปูน บางซ่อน สุขุมวิท 105 รวมถึงล่าสุดได้เข้าซื้อโครงการอาคารชุด Wora ในซอยสุขุมวิท 49 โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้บางส่วน "แม้ในช่วงครึ่งปีแรกเราจะมีกำไรไม่มาก ส่วนใหญ่แล้วเป็นผลมาจากการใช้งบโฆษณาในโครงการใหม่ อย่างไรก็ตามทั้งปีเรายังมั่นใจว่า กำไรคงจะลดลงจากปีก่อนไม่มากนัก เพราะเราจะมีโครงการที่จะแล้วเสร็จและทยอยโอนในช่วงครึ่งปีแหลัง รวมถึงมีโครงการที่เหลือพร้อมขายอีกจำนวนหนึ่ง ก็คงเป็นหน้าที่ของการตลาดที่ต้องการทำงานหนัก ซึ่งเราก็ยังเชื่อว่ารายได้ของเราจะเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่วางไว้ ส่วนโครงการของเราเองก็อยู่ในทำเลที่ดี อยู่ในย่าน CBD สำหรับปัจจุบันเป็นช่วงที่ดีสำหรับผู้ที่พร้อมในการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยไว้ลงทุน"นางอาภา กล่าว
นางอาภา กล่าวอีกว่า บริษัทอยู่ระหว่างพิจารณาลื่อนเปิดโครงการใหม่ในช่วงครึ่งหลังปีนี้ไปเป็นปีหน้า หากสถานการณ์ต่างๆ ยังไม่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน และเหตุการณ์ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมา จากเดิมที่มีแผนจะเปิด 2 โครงการ ในช่วงครึ่งปีหลังมูลค่า 5 พันล้านบาท ขณะที่ช่วงครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่แล้ว 2 แห่งมูลค่า 3.3 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม บริษัทคงจะชะลอแผนการออกหุ้นเพิ่มทุนจัดสรรให้กับผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน(RO) และการขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด(PP) ในปีนี้ออกไปก่อน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทยังมีเงินลงทุนเพียงพอ และเตรียมออกหุ้นกู้ในช่วงปลายเดือนก.ย. นี้มูลค่า 500-600 ล้านบาท