ทั้งนี้ การจัดซื้อวัตถุดิบเหล็กของบริษัทฯในช่วงที่ผ่านมา มีการสั่งซื้อจากผู้ประกอบการเหล็กในประเทศญี่ปุ่น หลักๆ คือ JFE Steel Corporation เกือบ 70% ส่วนที่เหลือซื้อจาก POSCO (ประเทศเกาหลี) หรือจากผู้ประกอบการเหล็กในประเทศจีนซึ่งขึ้นอยู่กับราคาแต่ละช่วงเวลาว่าที่ไหนได้ราคาดีที่สุด โดยในส่วน นิปปอน สตีล บริษัทมีการจัดซื้อหาวัตถุดิบเหล็กไม่เกิน 1% ของปริมาณน้ำหนักเหล็กในการนำเข้าแต่ละปี
“บริษัทยืนยันว่าเหตุการณ์ไฟไหม้โกดัง “นิปปอน สตีล" ในครั้งนี้ไม่กระทบต่อการดำเนินธุรกิจ และการจัดหาวัตถุดิบเหล็ก เพื่อนำมาผลิตเหล็กของบริษัทอย่างแน่นอน และปัจจุบันทางผู้บริหารของบริษัทยังคงเดินหน้าเจราธุรกิจกับพันธมิตรต่างประเทศต่อเนื่อง และคาดว่าจะมีข่าวดีให้กับบริษัทอย่างต่อเนื่อง"นายชิ กล่าว
ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทยังมีการผลิตต่อเนื่อง โดยโรงงานที่อยุธยามีกำลังผลิตประมาณ 70,000 ตันต่อปี และในปีนี้คาดว่าจะใช้กำลังการผลิตโดยรวมประมาณ 40,000-45,000 ตัน ซึ่งบริษัทฯ จะต้องสำรองไว้ในส่วนของการแก้ไขหรือปรับเปลี่ยนงานตามความต้องการของลูกค้า
นายชิ กล่าวว่า บริษัทมีงานในมือแล้ว 200,000 กว่าตัน ซึ่งงานดังกล่าวจะทยอยรับต่อเนื่องไปจนถึงปี 2562 และคาดว่าจะ มีงานใหม่ๆเข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งงานในมือที่รับมานี้ไม่รวมโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทในญี่ปุ่น อาทิ งาน Olympic ในปี 2563
ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 3/58 มองว่า มีทิศทางที่ดีขึ้น จากการทยอยส่งมอบงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน และยังได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 โดยค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 27 บาทต่อ 100 เยน และล่าสุด ณ วันนี้ (25 ส.ค.58) อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ระดับ 29.50 บาท ต่อ 100 เยน
"ผลการดำเนินงานของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะระดับที่ 10,000 ล้านเยน จากมูลค่างานในมือที่มีอยู่ 2 แสนกว่าตัน และยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ๆ มูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น"นายชิ กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯในครึ่งปีแรกของปีนี้ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี โดยมีรายได้รวม 1,768.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 384.08 % และกำไรสุทธิ 344.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,947.14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากความต้องการใช้เหล็กโครงสร้างในตลาดญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น และสินค้าส่วนใหญ่มีมาร์จิ้นสูง เพราะเป็นงานที่มีการบวนการผลิตที่ซับซ้อน ทำให้ขายได้ราคาดี