"กำไรไตรมาส 2 น่าจะพีคสุดแล้วในปีนี้ ไตรมาส 3 GRM ลดลง ราคาน้ำมันที่ลดลงก็อาจทำให้มี stock loss ได้ ซึ่งต้องไปลุ้นช่วงปลายไตรมาสอีกที จากปิดไตรมาส 2 ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ราว 59 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล...แต่ส่วนปิโตรเคมียังดีอยู่"นายสุกฤตย์ กล่าว
นายสุกฤตย์ กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมี สร้างกำไรให้กับบริษัทราว 50:50 และในส่วนของธุรกิจโรงกลั่นนั้นจะประกอบด้วยโรงกลั่นน้ำมันสำเร็จรูป และน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐาน ในสัดส่วนราว 50:50 ซึ่งทิศทางของธุรกิจน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานยังมีแนวโน้มที่ดี ยกเว้นเพียงธุรกิจกลั่นน้ำมันสำเร็จรูปที่ยังมีส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์น้ำมันดิบและสำเร็จรูปที่อ่อนตัวลง โดยล่าสุดส่วนต่างราคาน้ำมันดีเซลและน้ำมันดิบอยู่ที่ราว 8-9 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากก่อนหน้าที่เคยอยู่ระดับ 14 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้บริษัทไม่ได้ทำประกันความเสี่ยงส่วนต่างราคาน้ำมันในภาวะปัจจุบัน
สำหรับราคาน้ำมันดิบดูไบที่มีแนวโน้มอยู่ในระดับต่ำ โดยล่าสุดปรับลงมาเคลื่อนไหวอยู่ในระดับราว 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลนั้น ทำให้บริษัทต้องปรับตัวโดยเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และดูแลโรงงานให้สามารถผลิตได้อย่างต่อเนื่อง ตลอดจนการกระตุ้นฝ่ายขายให้ออกไปหาลูกค้ามากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันลูกค้าจะไม่สำรองสินค้าเป็นจำนวนมาก เนื่องจากกังวลว่าจะมีผลขาดทุนจากสต็อกเพราะยังไม่มั่นใจทิศทางราคาสินค้า จึงเป็นสิ่งจำเป็นที่บริษัทจะต้องหาออเดอร์เข้ามาเพิ่มขึ้น ในส่วนของบริษัทเองก็จะยังคงบริหารสต็อกให้อยู่ในปริมาณที่จำกัด โดยปัจจุบันมีสต็อกน้ำมันและเม็ดพลาสติกรวมกันประมาณ 8 ล้านบาร์เรล คิดเป็นประมาณ 30-40 วัน โดยในส่วนนี้เป็นการสต็อกน้ำมันดิบ 5 ล้านบาร์เรล
ขณะที่ยังต้องจับตาทิศทางราคาผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก หลังจากที่ในระยะสั้นราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางความกังวลจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว ซึ่งตามปกติแล้วราคาเม็ดพลาสติกจะปรับตัวลงช้ากว่าราคาน้ำมัน ทำให้ส่วนต่าง(สเปรด)ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังอยู่ระดับที่ดี แต่ในช่วงปัจจุบันนับว่าอยู่ในภาวะที่ผิดปกติ ซึ่งยังคงต้องติดตามผลกระทบที่เกิดขึ้นอีกระยะหนึ่งก่อน ขณะที่ยังเชื่อว่าในไตรมาส 4/58 การใช้น้ำมันและปิโตรเคมีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เพราะเป็นช่วงฤดูหนาว
นายสุกฤตย์ กล่าวอีกว่า สำหรับในปีหน้าคาดว่าบริษัทจะกลั่นน้ำมันเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2 แสนบาร์เรล/วัน จากปัจจุบันที่กลั่นน้ำมันที่ 1.8-1.9 แสนบาร์เรล/วัน หลังโครงการ UHV แล้วเสร็จในไตรมาส 4/58 ซึ่งจะช่วยเพิ่มกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่ม (GIM) ได้ราว 1-2 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ IRPC มีกำลังการกลั่นน้ำมันเต็มที่ระดับ 2.15 แสนบาร์เรล/วัน