ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงเดินหน้าเข้าเสนองานกับกลุ่มลูกค้ารายใหญ่ในส่วนของภาคเอกชนที่ยังมีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มอสังหาริมทรัพ์ และกลุ่มค้าปลีกทั้งในและต่างประเทศ คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้
"สัดส่วนงานของภาครัฐบาลอยู่ 15% และภาคเอกชนอยู่ที่ 85% ซึ่งหลังจากนี้หลังมีการปรับเปลี่ยนคณะรัฐมนตรีของรัฐบาล ก็คาดว่าโอกาสที่จะได้รับงานจากภาครัฐบาลจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น"นายธัช กล่าว
ส่วนการประมูลงานในต่างประเทศทั้งงานวิศวกรที่ปรึกษาโครงการ และงานออกแบบของ PPS Design บริษัทก็ได้มีการยื่นเสนองานในหลายโครงการ โดยล่าสุดบริษัทฯได้งานออกแบบในประเทศกัมพูชามูลค่า 6 ล้านบาท ส่งผลให้งานในมือ(backlog)เพิ่มขึ้นเป็น 250 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 76 ล้านบาท และยังอยู่ระหว่างเจรจางานวิศวกรที่ปรึกษา 1 โครงการที่ประเทศมาเลเซีย
ขณะที่บริษัทเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังภาครัฐจะเร่งผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ออกมา ซึ่งจะช่วยกระตุ้นธุรกิจก่อสร้างและภาคเศรษฐกิจให้กลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้ง โดยบริษัทมีแผนจะเพิ่มงานจากภาครัฐฯ ซึ่งเตรียมจะเข้าประมูลงานวิศวกรที่ปรึกษาบริหารอีกหลายโครงการภายในไตรมาส 4/58
"ปีนี้รายได้ของเราคงจะลดลงจากปีก่อน เพราะธุรกิจงานก่อสร้างในช่วงครึ่งปีแรก และปัจจุบันยังมีการชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของภาครัฐฯและเอกชน ขณะที่ปัจจุบันเองยังไม่ได้มีปัจจัยบวกใหม่ๆเข้ามากระตุ้นให้เกิดความเชื่อม่น และการลงทุน สำหรับโครงการภาครัฐฯเองก็ยังมีการชะลอออกไปอีก แม้ว่าอาจจะมีการประมูลงานในช่วงปลายปีนี้ แต่การรับรู้รายได้ก็คงเริ่มต้นในปี 59 แต่อย่างไรก็ตามเรายังมั่นใจว่าทั้งปีเราจะมีผลประกอบการออกมาเป็นกำไร เพราะครึ่งปีแรกเราก็มีกำไรแล้ว และครึ่งปีหลังเองเราก็ยังมีงานในมือที่จะรองรับอีก"นายธัช กล่าว