ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่ารายได้และกำไรในครึ่งปีหลังจะทำได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้อยู่ที่ 242.73 ล้านบาท และกำไรสุทธิอยู่ที่ 47.26 ล้านบาท เพราะไฮซีซั่นของธุรกิจอยู่ในไตรมาส 4/58 ซึ่งจะมีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศมาก และการใช้บริการสปาก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย ส่วนเหตุการณ์ระเบิดที่แยกราชประสงค์ในสัปดาห์ก่อนมองว่าไม่ส่งผลกระทบกับบริษัท เพราะช่วงนี้เป็นโลว์ซีซั่นของธุรกิจ และเชื่อว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเร่งดำเนินการหาผู้กระทำผิดมาลงโทษและหามาตรการป้องกันอย่างเต็มที่ เพื่อพลิกฟื้นความมั่นใจต่อนักท่องเที่ยว
อีกทั้งนักท่องเที่ยวที่เปลี่ยนแผนการเดินทางมายังกรุงเทพฯไปต่างจังหวัดในช่วงที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์นั้น จะส่งผลให้สาขาในต่างจังหวัดเติบโตขึ้นมากกว่าสาขาในกรุงเทพฯ
"จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการเราหลังจากเกิดเหตุระเบิดก็ยังไม่ได้มีการลดลงไปมากถ้ามองในภาพรวม แต่ถ้าเทียบสาขากรุงเทพฯกับต่างจังหวัดนั้น สาขาต่างจังหวัดจะมีการใช้บริการเพิ่มขึ้นมากกว่าในกรุงเทพฯ ซึ่งก็สามารถชดเชยกันได้ ตรงนี้เราก็ไม่กังวลมาก เพราะเรามีสาขาต่างจังหวัดด้วย และเรื่องของผลกระทบจากนักท่องเที่ยวจีนที่อาจจะมีแนวโน้มลดลงหลังเศรษฐกิจจีนชะลอตัวและค่าเงินหยวนอ่อนค่า ยังไม่ได้รับผลกระทบจากประเด็นนี้ เพราะจีนลดค่าเงินหยวนเพื่อไปกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ แล้วเขาก็ออกมาท่องเที่ยวมีการใช้จายเกิดขึ้น ภาพรวมนักท่องเที่ยวจีนที่เข้ามาในประเทศไทย 70 ล้านคน เป็นลุกค้าเรา 300,000 คน"นายวิบูลย์ กล่าว
นายวิบูลย์ กล่าวว่า ส่วนการขยายสาขาในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแผนขยายเพิ่มอีก 3 สาขา ได้แก่ Let's Relax สาขาเชียงใหม่ เปิดบริการวันที่ 28 ส.ค. 58 Let's Relax สาขาสวนพลู เปิดบริการปลายเดือนตุลาคม และ Let's relax สาขารัชดา เปิดบริการต้นเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งจะทำให้ทั้งปีบริษัทมีสาขาทั้งหมด 21 สาขา จากปัจจุบันมีอยู่ 18 สาขา รวมสาขาที่ซื้อกิจการมาแล้ว 3 แบรนด์ในช่วงครึ่งปีแรก แบ่งเป็นสาขาลลิลจินดา 3 สาขา Let's Relax 11 สาขา และบ้านสวนมาสซาจ 4 สาขา ซึ่งงบลงทุนในการซื้อกิจการในปีนี้บริษัทตั้งไว้ที่ 80 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการสปาเพิ่มเติมอีก 1-2 แบรนด์ ในประเทศ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในเร็วๆนี้ โดยอยู่ระหว่างการพิจารณาภาวะตลาด กลุ่มลุกค้าเป้าหมายที่สอดคล้องกับบริษัท และราคาที่เหมาะสม อีกทั้งบริษัทยังมีการเจรจาพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศเวียดนามและกัมพูชา เพื่อร่วมทุนทำธุรกิจสปาในประเทศดังกล่าว ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปในปี 59 โดยมองเห็นโอกาสการเจาะตลาดอาเซียนจากการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ส่วนในไตรมาส 3/58 บริษัทจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการเข้าขอซื้อแฟรนไชส์ Let's relax ของบริษัทจากนักลงทุนในประเทศจีน เพื่อเปิดสาขาในประเทศดังกล่าว โดยจะเป็นลักษณะซื้อแบรนด์ไปบริหารเอง แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้