ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ (Backlog) 2,500 ล้านบาท โดยจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ราว 1,300 ล้านบาท หรือคิดเป็นสัดส่วน 70% ในขณะเดียวกันบริษัทฯอยู่ระหว่างเข้าประมูลงานใหม่มูลค่า 500-1,000 ล้านบาท โดยมีความมั่นใจเกิน 50% ว่าจะได้รับงานดังกล่าว
สำหรับปี 59 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,580 ล้านบาท หรือเติบโตราว 20% จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทเชื่อว่ามีประสิทธิภาพในการเข้ารับงานใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยหากประเมินจากงานออกแบบที่จะออกมาและส่วนแบ่งตลาดปัจจุบันที่ระดับ 19% บริษัทก็ยังมั่นใจว่าจะยังสามารถรักษาสัดส่วนการรับงานในระดับเดิมไว้ได้ ขณะเดียวกัน บริษัทจะมีการเซ็นสัญญารับงานในกัมพูชาเข้ามาอีกราว 1,000 ล้านบาทในไตรมาส 3/58 นี้ ซึ่งโครงการดังกล่าวจะเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาตั้งไตรมาส 1/59 เป็นต้นไป
"ถึงแม้ว่าสถานการณ์ต่างๆในปัจจุบันทำให้นักลงทุน โดยเฉพาะด้านอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวไป และในส่วนของงานภาครัฐฯที่เป็นสัดส่วนรายได้หลักถึง 85% มีการชะลอการลงทุนต่างๆออกไป แต่อย่างไรก็ตามเรางานในมือที่เตรียมรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลังอีกพอสมควร และเราก็ได้หันมารับงานปรับปรุงโรงแรมที่ปัจจุบันประเทศไทยเตรียมเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน โรงแรมต่างๆจึงเร่งปรับให้รูปแบบที่ดีขึ้นจึงได้งานส่วนนี้มาด้วย เราจึงยังมีความมั่นว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และอัตรากำไรสุทธิเราก็คงทำได้ตามแผนที่วางไว้ เพราะเราเน้นรับงานที่มีมาจิ้นสูงตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา และเรายังได้ประโยชน์จากเงินหยวนลด และราคาน้ำมั่นต่ำ ช่วยให้อัตรากำไรสุทธิดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง" นางสาวกนกนาถ กล่าว
นางสาวกนกนาถ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบระดับไฮเอน มูลค่าโครงการ 3,000 ล้านบาทว่า อยู่ระหว่างออกแบบ โดยบริษัทฯเตรียมเปิดขายโครงการในช่วงไตรมาส 2/58 คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้จากยอดโอนโครงการในปี 60 เป็นต้นไป
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้รับการเสนอโครงการจากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายโครงการให้เข้าไปร่วมพัฒนาโครงการต่อ โดยมีผู้เข้ามาเสนอกว่า 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งโครงการแนวราบ อาคารสำนักงาน และโรงแรม แต่บริษัทยังไม่ได้มีการพิจารณา เนื่องจากต้องการพัฒนาโครงการแรกให้ดีก่อนจึงจะตัดสินใจในเรื่องของโครงการใหม่