TOP คาดสรุปขยายกำลังกลั่นน้ำมันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วันปลายปี 59,ลดสต็อก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 26, 2015 10:10 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยออยล์(TOP) คาดว่าในช่วงเดือนพ.ย.59 จะสามารถสรุปแผนการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเป็นระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน และการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นลองเรสซิดิว(long residue) เพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตามาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันใสที่มีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในอนาคต ขณะที่ปรับกลยุทธ์ลดปริมาณสำรองน้ำมันเหลือราว 7 ล้านบาร์เรล จากระดับปกติที่ราว 8 ล้านบาร์เรล เพื่อลดผลกระทบจากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ
"ตามกฎหมายกำหนดประมาณ 6% ก็ประมาณ 7 ล้านบาร์เรลที่ operate อยู่ ปกติจะ operate 8 ล้านบาร์เรล ตอนนี้ก็ลดลงมา operate ที่ 7 ล้านบาร์เรล ลดลงมาหน่อยเพื่อลดผลกระทบของราคาน้ำมันที่ลดลง สำหรับไทยออยล์ทุกๆ 1 เหรียญที่ลงไป stock loss จะอยู่ที่ราวๆ 200-250 ล้านบาท ฉะนั้น 10 เหรียญ ก็ประมาณ 2500 ล้านบาท...เรา plan ไว้สิ้นไตรมาสก็ลดลง สิ้นไตรมาสเป็นช่วงที่ปิดบัญชี ช่วงที่ลดลง บริหารจัดการสต็อกให้ลงมาอยู่ในระดับที่ต่ำที่สุดตามที่กฎหมายกำหนด จากปกติที่เกินกว่ากฎหมายกำหนดเล็กน้อย เพราะให้คนที่เขาปฎิบัติการมีความยืดหยุ่นได้ แต่ตอนนี้เราคงไม่มีความฟุ่มเฟือยทีต้องทำตรงนั้นแล้ว"นายอธิคม กล่าว

ทั้งนี้ ไทยออยล์ปรับกลยุทธ์ดังกล่าวภายหลังจากที่ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลดลงมาค่อนข้างมาก จากปริมาณการผลิตที่ล้นตลาด รวมถึงตลาดมีความกังวลต่อความต้องการใช้น้ำมันจากภาวะเศรษฐกิจจีนที่มีแนวโน้มชะลอตัว โดยล่าสุดราคาน้ำมันดิบ ดูไบ เคลื่อนไหวอยู่ที่ราว 43 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลต่ำสุดในรอบประมาณ 6 ปี

นายอธิคม กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าในการศึกษาการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นลองเรสซิดิว(long residue)เพื่อเปลี่ยนผลิตภัณฑ์น้ำมันเตามาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันใสที่มีมูลค่าเพิ่ม และการขยายกำลังการกลั่นน้ำมันเป็น 4 แสนบาร์เรล/วัน จาก 2.75 แสนบาร์เรล/วันในปัจจุบันนั้น คาดว่าจะได้ข้อสรุปในราวเดือนพ.ย.59 ก่อนจะตัดสินใจลงทุนต่อไป โดยหากตัดสินใจลงทุนก็คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในช่วงปลายปี 64

"ตอนนี้กำลังออกแบบ basic design คือการออกแบบเบื้องต้นอยู่ step ต่อไปทำตรงนี้เสร็จก็จะทำ Front End Engineering Design คือการออกแบบวิศวกรรม คาดว่าการออกแบบทางวิศวกรรมน่าจะเริ่มได้ประมาณปลายปีนี้ และจะใช้เวลาการออกแบบทางวิศวกรรมประมาณเดือนพ.ย.ปีหน้า เราถึงจะมีการรีวิวอีกครั้งว่าการออกบบทางวิศวกรรมแล้วเงินลงทุนจะเป็นเท่าไหร่ บวกลบ 10% แล้วจะมาประเมินสถานการณ์อีกครั้งหนึ่ง ถึงตอนนั้นปลายปี 59 ก็จะรู้ว่าคุ้มค่าหรือเปล่า ถ้าคุ้มค่ากับการลงทุนปลายปี 59 ก็จะดำเนินการต่อหาผู้รับเหมาเข้ามา"นายอธิคม กล่าว

นายอธิคม กล่าวว่า ขณะนี้สามารถเลือกเทคโนโลยีที่จะใช้ดำเนินการได้แล้วเป็นส่วนใหญ่ โดยบางเทคโนโลยียังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งการพิจารณาแผนการลงทุนครั้งนี้ มาจากการต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการกลั่นลองเรสซิดิว เพื่อเปลี่ยนน้ำมันเตาและยางมะตอย ซึ่งมีมูลค่าต่ำมาเป็นผลิตภัณฑ์น้ำมันใสที่มีมูลค่าเพิ่ม แต่การลงทุนเพื่อให้มีการประหยัดต่อขนาด (economy of scale) ก็อาจจะต้องเพิ่มกำลังการกลั่น โดยการเปลี่ยนหน่วยกลั่นน้ำมันดิบ (CDU) ให้มีความเหมาะสมขึ้น ซึ่งมองไว้ว่าศักยภาพที่บริษัทและประเทศไทยสามารถแข่งขันได้ โดยเฉพาะกับสิงคโปร์นั้น ควรจะขยาย CDU ให้ได้ถึงระดับ 4 แสนบาร์เรล/วัน อีกทั้งยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตของบริษัทได้ด้วย

สำหรับแนวโน้มค่าการกลั่น (GRM) ในปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 5.5-6.0 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อ่อนลงจากช่วงไตรมาส 2/58 แต่เทียบกับต้นเดือนส.ค.นับว่าดีขึ้นเล็กน้อย


แท็ก ไทยออยล์   (TOP)  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ