(เพิ่มเติม) "ออริจิ้นส์ฯ" เลื่อนแผนขายหุ้น IPO ออกไปก่อนรอตลาดหุ้นฝุ่นหายตลบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 26, 2015 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ (ORI) หารือทางที่ปรึกษาทางการเงินตัดสินใจเลื่อนแผนการเสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั้วไปครั้งแรก(IPO)และนำหุ้นเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์จากเดือน ก.ย.นี้ออกไปก่อน หลังภาวะตลาดช่วงนี้ผันผวน และกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน เพื่อรอดูสถานการณ์ภาพรวมให้กลับมามีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น ขณะที่บริษัทฯ มีหนี้ระยะสั้นน้อยมาก ดังนั้น หากยังระดมทุนไม่ได้ตามแผนก็คงไม่มีผลกระทบมากนัก

นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ORI กล่าวว่า แม้ว่าบริษัทจะมั่นใจในพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แต่บรรยากาศการลงทุนในขณะนี้ไม่เอื้ออำนวย เพราะยังได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดหุ้นทั่วโลก จึงตัดสินใจเลื่อนแผนเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 180 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาทออกไปก่อน เพื่อรอดูสถานการณ์รอบด้านอีกระยะ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดว่าจะเลื่อนออกไปนานแค่ไหน แต่คงไม่ทันภายในเดือน ก.ย.นี้

อย่างไรก็ตาม แผนงานต่าง ๆ ของบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าว โดยกำไรจะเติบโตก้าวกระโดดจากปีก่อน หลังจากครึ่งปีแรกมีกำไรแล้ว 230 ล้านบาท เติบโตราว 3,240% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่บริษัทยังคงเป้าหมายปี 58 จะมียอดรายได้ 2.8 พันล้านบาท ซึ่งครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 1,080.09 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 762% และจากเป้าหมายยอดขาย 5.5 พันล้านบาทนั้น ยอดขายตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้ทำได้แล้วกว่า 3.6 พันล้านบาท

ทั้งนี้ บริษัทยังตั้งเป้าหมายรายได้ในปีหน้าจะเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็น 5 พันล้านบาท

นายพีระพงศ์ กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทยังสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ไม่ต่ำกว่า 43% และอัตรากำไรสุทธิราว 21% ซึ่งสูงกว่าภาพรวมอุตสาหกรรม ขณะที่พยายามเฉลี่ยการรับรู้รายได้ในแต่ละไตรมาสให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกันให้ผลประกอบการมีความสม่ำเสมอเพื่อให้มีปันผลสะสมทั้งปี โดยขณะนี้บริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา 22 โครงการภายใต้ 10 แบรนด์ทั้งในกรุงเทพและปริมณฑล รวมทั้งชลบุรี มูลค่าโครงการรวม 1.4 หมื่นล้านบาท และยังเดินหน้าขยายโครงการตามแผนงาน

สำหรับโครงการ"ไนท์บริจด์ ดิโอเชียน ศรีราชา"มูลค่าโครงการราว 2.5 พันล้านบาท ยังคงจะเปิดขายโครงการตามแผนงานในช่วงปลายไตรมาส 3/58 เพราะเชื่อมั่นในทำเลที่มีศักยภาพจากที่บริษัทได้ทำการวิจัยพบว่ามีความต้องการที่พักอาศัยของชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในแถบโรงงานอุตสาหกรรมในภาคตะวันออก ทำให้ในบริเวณดังกล่าวมีชุมชนขนาดใหญ่ของชาวญี่ปุ่นเกิดขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทได้เริ่มทำการตลาดร่วมกับพันธมิตรในญี่ปุ่นไปแล้ว

นอกจากนั้น บริษัทยังได้รับความสนใจจากพันธมิตรหลายรายทั้งจากญี่ปุ่นและจีนเข้ามาพูดคุยกันในเบื้องต้นเพื่อแสวงหาโอกาสพัฒนาไปสู่ความร่วมมือกันในด้านต่าง ๆ ในอนาคต โดยเฉพาะการเพิ่มช่องทางด้านการตลาด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ