สำหรับพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทมีความแข็งแกร่งและไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว เพราะมีการทำสัญญาระยะยาวกับลูกค้า แบ่งเป็นสัญญาระยะ 1 ปี 25%, ระยะ 3 ปี 30% และระยะ 5 ปี 45% ที่สำคัญตลอด 10 ปีที่ผ่านมามีลูกค้าต่อสัญญาคิดเป็นอัตราถึง 99% ดังนั้น บริษัทจึงตั้งเป้ารายได้ปี 61 อยู่ที่ 500 ล้านบาท จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 270 ล้านบาท
ขณะที่บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มเป็น 10% ด้วย จากปัจุบันอยู่ที่ 3-4% หลังจากบริษัทนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ไปชำระหนี้เพื่อลดต้นทุนดอกเบี้ย แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ หนี้สถาบันการเงิน 30 ล้านบาท ส่วนที่ 2 เป็นหนี้สินค้าจากการเช่าซื้อรถขนส่งที่มีอยู่ราว 100 ล้านบาท โดยหากชำระหนี้สถาบันการเงินทั้งหมดจะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลงกว่าเท่าตัวจากที่มีภาระจ่ายปีละ 16 ล้านบาท
รวมถึงจะนำเงินอีกส่วนหนึ่งไปชำระหนี้บริษัทลิสซิ่งจากการเช่าซื้อรถขนส่ง ซึ่งปัจจุบันมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ราว 4% ต่อปี จากการกู้เต็มทั้ง 100% ซึ่งหลังมีเงินจากการระดมทุนจะทำให้ลดสัดส่วนของการกู้เหลือเพียง 70% และมีอำนาจในการต่อรองดอกเบี้ยให้ลดลง ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้คาดว่าอัตรากำไรสุทธิจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยปีหน้าจะเพิ่มเป็นมากกว่า 5%
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทยังตั้งเป้าปี 61 จะเพิ่มจำนวนรถขนส่งเป็น 200 คัน จากปัจจุบันที่ 136 คัน เพื่อรองรับการขยายการรับงานมากขึ้น เพราะปัจจุบันธุรกิจขนส่งประเภทที่ ATP30 ดำเนินการอยู่นั้นมีมูลค่าการตลาดถึง 1 หมื่นล้านบาท ขณะที่ในตลาดยังไม่มีการจัดระบบรถรับส่งพนักงานที่มีประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้ประกอบการรายแรกที่มีระบบการจัดการอย่างมืออาชีพ สะท้อนได้จากการเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ยิ่งช่วยเพิ่มความเชื่อถือและมั่นใจของลูกค้าต่อการมาใช้บริการ แต่ยังมีส่วนแบ่งตลาดน้อยมาก จึงมีโอกาสเติบโตได้อีกมาก
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการทำธุรกิจศูนย์ซ่อมรถขนส่งพนักงานและศูนย์ฝึกอบรมการขับรถ เพื่อต่อยอดกับธุรกิจเดิม เพราะปัจจุบันยังไม่มีผู้ประกอบการรายใดเริ่มดำเนินการ ทำให้ ATP30 มองว่าการทำธุรกิจศูนย์ซ่อมรถขนส่งพนักงาน น่าจะเกิดประโยชน์ และสร้างมูลค่า ทั้งนี้บริษัทคาดว่าจะใช้เงินลงทุนราว 10 ล้านบาท(ไม่รวมที่ดิน) เบื้องต้นคาดได้ข้อสรุปในปี 59