"ครึ่งปีหลังนี้เราฝากตัวผลักดันหลักไว้ที่กลยุทธ์ ในเรื่องของการผ่อนถูก ในสินค้า 4 ตัว ซึ่งจะเป็นสินค้าที่ไม่มีฤดูกาล ไม่เป็นสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ตลาดมีความต้องการ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน หรือนำไปสร้างอาชีพต่อไปได้ โดยน่าจะทำให้ครึ่งปีหลังน่าจะเติบโตได้ดีกว่าครึ่งปีแรก และน่าจะทำให้เป้าหมายรายได้ทั้งปีเติบโตได้ 5-10% จากปีก่อน"นายบุญยง กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทฯยังมีรายได้มาจากการให้เช่าพื้นที่โฆษณาในตู้เติมเงินมือถือ จากการร่วมมือกันกับบมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น (TRUE) และมีแผนที่จะผลักดันไปสู่ค่ายโทรศัพท์มือถือรายอื่นเพิ่มเติมทั้ง AIS,DTAC เป็นต้น โดยเชื่อว่าผู้ประกอบการค่ายโทรศัพท์มือถือดังกล่าวมีความต้องการที่จะขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมทั่วประเทศ เพื่อรองรับการใช้งานที่จะเพิ่มมากขึ้นในอนาคต ทั้งการใช้งาน 3G,4G จึงมองหาช่องทางในการขยายฐานลูกค้าที่มีต้นทุนไม่สูงมากนัก ขณะที่บริษัทฯก็มีรายได้จากการเป็นตัวแทนไปจำหน่ายเครื่องโทรศัพท์มือถือของ TRUE ให้แก่ลูกค้า โดยมีการเริ่มจำหน่ายในเดือนส.ค.นี้ เป็นเดือนแรก ประกอบกับเป็นตัวแทนขาย AirTime ให้กับผู้ประกอบการทั้ง 3 ค่ายอีกด้วย
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับบมจ.สหพัฒน์พิบูล(SPC) ขายตู้เติมเงิน เพื่อเป็นการให้บริการพนักงานในโรงงาน คาดว่าน่าจะสรุปได้ภายใน 1-2 เดือนนี้ ซึ่งจะส่งผลให้สิ้นปีจะสามารถขายตู้เติมเงินได้ราว 8,000 ตู้ จากครึ่งปีแรกขายได้แล้ว 4,000 ตู้ อีกทั้งตู้น้ำมันหยอดเหรียญก็คาดว่าจะสามารถขายได้เฉลี่ยต่อปีราว 5,000 ตู้ จากครึ่งปีแรกอยู่ที่ 1,500 ตู้
สำหรับพอร์ตสินเชื่อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 3,200 ล้านบาท จากปี 57 อยู่ที่ 2,900 ล้านบาท และจำนวนบัญชีลูกค้าปีนี้จะอยู่ที่ 1.7 แสนบัญชี จากปีก่อนอยู่ที่ 1.65 แสนบัญชี ส่วนหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปีนี้น่าจะอยู่ที่ 5.8% จากไตรมาส 2/58 อยู่ที่ 6.2% เนื่องด้วยบริษัทฯมีการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวังมากขึ้น
ขณะที่ต้นปี 59 บริษัทฯมีแผนออกหุ้นกู้ประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อนำไปใช้ขยายธุรกิจ จากปีนี้มีการออกหุ้นกู้ไปแล้วจำนวน 800 ล้านบาท
นายบุญยง กล่าวว่า บริษัทฯมองกำลังซื้อครึ่งปีหลังตลาดจะยังไม่ฟื้นตัว จากภาคเกษตรกรที่เป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ยังได้รับผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจอยู่ แม้ว่าขณะนี้จะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ก็ตาม แต่การดำเนินงานของรัฐบาลน่าจะใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่งถึงจะเห็นผลได้