ขณะที่บริษัทได้เริ่มทำการตลาดสินค้าที่ผลิตร่วมกับพันธมิตรญี่ปุ่น โดยเข้าเจรจากับลูกค้าในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไปแล้ว
นายทักษะ บุษยะโภคะ ประธานกรรมการบริหาร MODERN กล่าวว่า บริษัทปรับลดเป้ารายได้รวมในปี 58 ลงเหลือใกล้เคียงปี 57 ที่ราว 4,300 ล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะเติบโต 15% เนื่องจากภาพรวมการลงทุนของประเทศชะลอตัวลง ทำให้ลูกค้าเลื่อนการส่งมอบสินค้า และบางส่วนอาจเกิดจากที่ผู้ซื้อถูกปฏิเสธสินเชื่อ ซึ่งไม่ได้เกิดจากปัญหาการผลิตของบริษัท
ปัจจุบัน บริษัทมียอดขายรอรับรู้รายได้ (backlog) 3,000 กว่าล้านบาท อาจจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ลดลงจากปกติที่จะรับรู้ในแต่ละปีราว 60% จากการเลื่อนส่งมอบสินค้า ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานน่าจะใกล้เคียงกันปีก่อนที่มีกำไรราว 422 ล้านบาท
"พอหลัง 8 เดือนไปแล้ว คิดว่าปีนี้ทั้งปีรายได้รวมทำได้เท่ากับ 57 ก็ดีแล้ว สาเหตุหลักเพราะลูกค้าไม่โอน การลงทุนลดลงก็กระทบบ้าง อสังหาฯถึงแม้จะดูดีอยู่แต่พอเกิดวิกฤตก็เลื่อนส่งมอบ แต่ก็หวังว่าหลังเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจก็น่าจะกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะจากนโยบายกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในประเทศก็น่าจะดีขึ้น และก็หวังว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่กำหนดเลื่อนการส่งมอบมานั้น จะเลื่อนส่งมอบอีกหรึอเปล่า แต่ถ้าตามคิวก็ไม่มีปัญหา และในส่วนกำไรจากการดำเนินงานก็น่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน" นายทักษะ กล่าว
นายทักษะ กล่าวว่า บริษัทได้ผนึกกำลังกับ Itoki Corporation เฟอร์นิเจอร์แบรนด์ดังจากญี่ปุ่น ร่วมกันจัดตั้งบริษัทอิโตคิ โมเดอร์นฟอร์ม จำกัด ในสัดส่วน 50:50 เพื่อขยายตลาดสินค้านวตกรรมจากญี่ปุ่น SAD-K III (ห้องพร้อมระบบอัจฉริยะ เป็นระบบที่ใช้กันในวงการธุรกิจธนาคาร) ทั้งในประเทศไทย รวมไปถึงประเทศใกล้เคียง เช่น กัมพูชา ลาว พม่า และเวียดนามอีกด้วย โดยผ่านช่องทางการจัดจำหน่ายของ MODERN
สำหรับการรุกตลาดในไทยเบื้องต้นเราจะให้พันธมิตรคือ Itoki เข้าไปเจาะตลาดลูกค้ากลุ่มแบงก์ เช่น ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นญี่ปุ่น จากนั้นในส่วนของธนาคารพาณิชย์ไทยนั้น MODERN จะเข้าไปแนะนำสินค้าเอง รวมถึงผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่ทำโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ก็สนใจในสินค้าในกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน
"ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการร่วมมือที่ขยายไปยังกลุ่มลูกค้าญี่ปุ่นในไทย และเป็นศูนย์กลางในการขยายตลาด ประเทศใกล้เคียง รวมถึงกลุ่มประเทศอาเซียน"นายทักษะ กล่าว
นอกจากนี้ บริษัทยังคงมองหาการลงทุนใหม่ๆ โดยก่อนหน้านี้ได้ศึกษาธุรกิจเฮลท์แคร์ เพื่อรองรับสินค้าที่ผลิตให้กับตลาดโรงพยาบาล ได้แก่ ห้องผ่าตัด และห้องผลิตอุปกรณ์การแพทย์ แต่การเจรจาซื้อกิจการโรงพยาบาลในกทม.และต่างจังหวัดขณะนี้ยังไม่คืบหน้า และเชื่อว่าจะยังไม่มีข้อสรุปภายในปีนี้ แต่เชื่อว่าบริษัทมองทิศทางไม่ผิดเพราะผู้สูงอายุในสังคมไทยมีสัดส่วนมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันรายได้จากธุรกิจเฮลท์แคร์ไม่ถึง 10% ของรายได้รวม และปี 59 น่าจะเพิ่มขึ้นเพราะเห็นโอกาสการเติบโต
ทั้งนี้ ฐานการผลิตของ Itoki มีที่จืนและอินโดนีเซียด้วย และในวันที่ 1 ก.ย.นี้ จะเดินทางไปยังอินโดนีเซียเพื่อดูโอกาสในการเพิ่มไลน์การผลิต