ส่วนการส่งดาวเทียมไทยคม 8 ขึ้นสู่วงโคจร บริษัทคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในต้นปี 59 ภายใต้เงื่อนไขจะต้องมีอัตราการจองที่ 50% ก่อนส่งขึ้นสู่วงโคจร โดยปัจจุบันดาวเทียมไทยคม 8 มีอัตราการจองแล้ว 13% ซึ่งดาวเทียมดวงดังกล่าวรองรับพื้นที่ให้บริการในบริเวณอินโดไชน่า อาฟริกา และเอเชียใต้
สำหรับการศึกษาเพื่อพัฒนาดาวเทียมดวงต่อไปนั้น ปัจจุบันบริษัทศึกษาเพิ่มอีก 2-3 ดวง คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปีนี้ 2 ดวง ซึ่งในจำนวนดังกล่าว 1 ดวงจะเป็นดาวเทียมที่จะมาทดแทนดาวเทียม IPSTAR 1 ที่จะหมดอายุการใช้งานในปี 64 และอีกดวงจะขึ้นไปอยู่ในวงโคจรใหม่ที่พิกัด 50.5 องศาตะวันออก ซึ่งบริษัทมีการเซ็นสัญญากับหน่วยงานภาครัฐไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเงินลงทุนในการพัฒนาดาวเทียมอยู่ที่ดวงละ 160-200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นางศุภจี กล่าวว่า แม้ว่าการพัฒนาดาวเทียมดวงใหม่นั้นจะต้องใช้เงินลงทุนค่อนข้างสูงมาก แต่ปัจจุบันบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่ยังเข้มแข็ง โดยมีเงินทุนอยู่ในระดับสูง เห็นได้จากอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน(D/E)ของบริษัทอยู่ในระดับต่ำในปัจจุบันที่ 0.6-0.7 เท่า ทำให้ในปัจจุบันและในอนาคตอันใกล้นี้บริษัทยังไม่มีความจำเป็นในการเพิ่มทุนแต่อย่างใด
ด้านรายได้ในการให้บริการเสริมแบบครบวงจร อย่างเช่น การให้บริการ wifi บนเครื่องบิน การให้บริการ wifi บนเรือโดยสาร การให้บริการ wifi บนแท่นขุดเจาะน้ำมัน และการให้บริการสื่อมัลติมีเดีย ปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ 20% ของรายได้รวม เป็นไปตามแผนที่ตั้งไว้ โดยบริษัทให้บริการ wifi บนสายการบินนกแอร์ 3 ลำ และสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 6 ลำ ให้บริการ wifi บนเรือโดยสารของบริษัทญี่ปุ่น 4-5 ลำ และให้บริการ wifi กับ AIS บนแท่นขุดเจาะน้ำมัน
ทั้งนี้ นางศุภจี ได้กล่าวปฏิเสธกระแสข่าวที่ระบุว่าเป็นหนึ่งในบุคคลที่อาจได้รับเลือกเป็นประธานกรรมการบริหาร บมจ.อินทัช โฮลดิ้งส์ (INTUCH) เพราะไม่มีความประสงค์ที่จะรับตำแหน่งดังกล่าว โดยหลังจากพ้นตำแหน่งประธานเจ้าหน้าบริหาร THCOM แล้วก็จะยังอยู่ช่วยเป็นที่ปรึกษาให้กับนายไพบูลย์ ภานุวัฒนวงศ์ ที่จะเข้ามารับตำแหน่งแทนไปถึงสิ้นปี 58 และหลังจากนั้นจะไปทำงานที่เกี่ยวข้องกับการเป็นที่ปรึกษาให้กับหลายๆบริษัท เพราะต้องการให้บริษัทนั้น ๆ ก้าวสู่เวทีระดับโลก
“หลังจากวันที่ 1 ตุลาคมนี้ ก็จะเป็นการส่งผ่านการทำงานให้กับคุณไพบูลย์ ซึ่งแผนงานที่ตนได้วางแผนไว้ยังคงเหมือนเดิม พี่มองว่าคุณไพบูลย์เป็นคนที่มีศักยภาพ และสามารถต่อยอดงานที่พี่ทำไว้ เพื่อทำให้บริษัทมีการเติบโตและประสบความสำเร็จมากขึ้นในอนาคต และก็คงจะไม่ไปนั่งบริหารที่ INTUCH อย่างแน่นอน เพราะพี่อยากปลูกต้นไม้หลายๆต้นให้เติบโตและก้าวสู่ระดับโลกได้"นางศุภจี กล่าว