BCP เสนอบอร์ดเดือนก.ย.ลงทุนโรงไฟฟ้าตปท. 30-40 MW,คาดกำไรปีนี้เกินเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Sunday August 30, 2015 14:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.บางจากปิโตรเลียม(BCP) กล่าวว่า บริษัทเตรียมเสนอที่ประขุมคณะกรรมการในเดือนก.ย.เพื่อเข้าลงทุนโรงไฟฟ้าต่างประเทศขนาด 30-40 เมกะวัตต์(MW) รวมถึงจะจับมือกลุ่มสหกรณ์เข้ายื่นข้อเสนอขายไฟฟ้าโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ) อีก 40-50 MW ซึ่งจะช่วยหนุนให้การเพิ่มกำลังการผลิตเป็นไปตามเป้าหมายที่ 200 MW ในปีนี้ จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าที่เดินเครื่องผลิตแล้ว 118 MW ซึ่งเป็นโซลาร์ฟาร์มทั้งหมด

ขณะที่เดินหน้าเตรียมนำหุ้นบมจ.บีซีพีจี จำกัด ซึ่งทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯในช่วงที่ภาวะตลาดที่มีความเหมาะสมด้วย ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้ยังคาดว่ากำไรและ EBITDA จะทำได้เกินเป้าหมาย

"การนำหุ้นธุรกิจไฟฟ้าเข้าตลาดคงอีกนาน ต้องให้ผู้ถือหุ้นอนุมัติก่อนจะมีประชุมผู้ถือหุ้นวันที่ 9 ตุลาฯถ้าผู้ถือหุ้นอนุมัติก็จะเดินหน้า บีซีพีจีก็จะเป็นบริษัทที่ดูแลโรงไฟฟ้าสีเขียวทั้งหมด กว่าจะปรับโครงสร้างเสร็จก็คงสิ้นปีอย่างเร็วก็ต้นปี ปรับเสร็จแล้วค่อยว่ากัน คอยดูด้วยว่าภาวะตลาดเป็นอย่างไร ขึ้นกับภาวะตลาด ถ้าภาวะตลาดแบบนี้ก็อยู่เฉยๆดีกว่า...เดือนหน้าน่าจะมีเพิ่มเรื่องของไฟฟ้าจะเอาเข้าบอร์ดเดือนหน้า 30-40 เมกะวัตต์สำหรับโรงไฟฟ้าในต่างประเทศ"นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้คาดว่ากำไรสุทธิ และกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย,ภาษี,ค่าเสื่อม และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) สูงกว่าที่เคยประมาณการณ์ไว้เมื่อช่วงต้นปีนี้ว่าจะมีกำไรสุทธิที่ระดับ 4,052 ล้านบาท และ EBITDA ที่ระดับ 10,400 ล้านบาท หลังในช่วงครึ่งแรกปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 3,831 ล้านบาท และมี EBITDA ที่ระดับ 7,496 ล้านบาท จากค่าการกลั่น (GRM) ที่อยู่ในระดับที่ดี และการกลั่นน้ำมันที่สามารถทำได้ในระดับสูงต่อเนื่อง หลังจากที่ในไตรมาส 2/58 มีอัตราการกลั่นเฉลี่ย 1.12 แสนบาร์เรล/วัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่ยังกังวลต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ยังผันผวนในระดับต่ำ อาจส่งผลกระทบต่อกำไรหรือขาดทุนจากสต็อกผลิตภัณฑ์ได้

"เป้ากำไรปีนี้ 4,052 ล้านบาท และ EBITDA 10,400 ล้านบาท เป้าต้นปีก็คิดว่าน่าจะดีกว่าเป้าทั้งกำไรและ EBITDA ถ้าไม่นับ stock loss จะดีกว่าเยอะ แต่วันนี้มี stock loss เลยตอบไม่ได้ว่าเท่าไหร่ เพราะไม่รู้ราคาน้ำมันจะอยู่เท่าไหร่"นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ คาดว่ากำไรสุทธิในไตรมาส 3/58 จะไม่เท่ากับในไตรมาส 1 และ 2 แน่นอนซึ่งเป็นไปตามภาวะปกติที่ GRM จะอ่อนตัวลง โดยในปัจจุบันอ่อนตัวลงมาอยู่ที่ราว 5-6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล แต่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนนับว่าอยู่ในระดับที่ดีกว่าระดับปกติ ขณะเดียวกันยังอาจพลิกกลับมามีขาดทุนจากสต็อก จากที่ทำกำไรจากสต็อกในช่วงไตรมาส 2 ด้วย เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบ ณ ปัจจุบันปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ราว 46-47 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากเฉลี่ยในไตรมาส 2 ที่ 60 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และจากช่วงต้นปีที่ราคาน้ำมันอยู่ที่ระดับ 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล อย่างไรก็ตามบริษัทก็จะพิจารณาบริหารสต็อกน้ำมันให้มีความสมดุลในช่วงที่ราคาน้ำมันต่ำด้วย โดยปัจจุบันมีการสต็อกในระดับเกือบ 6 ล้านบาร์เรล สูงกว่าระดับที่ปกติที่ราว 5 ล้านบาร์เรล ซึ่งเป็นไปตามที่กฎหมายกำหนดไว้

สำหรับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยในไตรมาส 3/58 น่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 2 ซึ่งเป็นระดับที่จะสามารถสร้างกำไรได้สูงสุดของบริษัท ขณะเดียวกันยังเดินหน้าปรับปรุงประสิทธิภาพการกลั่น เพื่อให้กลั่นน้ำมันได้ในระดับ 1.4 แสนบาร์เรล/วัน ในอีก 3 ปีข้างหน้าด้วย ขณะที่ประเมินราคาน้ำมันดิบ ดูไบในปีนี้จะปีหน้าจะอยู่ระดับราว 55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ GRM ที่ราว 6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล

ส่วนแผนการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมที่ดำเนินการโดย Nido Petroleum Limited (Nido) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น ปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่สามารถทำ EBITDA ได้เป็นบวก แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันราคาน้ำมันจะอยู่ในระดับต่ำก็ตาม ขณะที่ยังคงเป้าหมายการจะมีสัดส่วนการผลิตปิโตรเลียมเพิ่มเป็น 2 หมื่นบาร์เรล/วันในช่วง 3 ปีข้างหน้า จากราว 4 พันบาร์เรล/วันในขณะนี้ โดยตามแผนจะเพิ่มการผลิตเป็น 1 หมื่นบาร์เรล/วันในปีนี้ จากการเข้าซื้อสินทรัพย์ในภูมิภาค ซึ่งล่าสุดยังมีผู้มาเสนอขายต่อเนื่อง

"จริงๆถ้าซื้อถึงหมื่นบาร์แรลแล้วซื้อแพง คงไม่ซื้อดีกว่า เรารอจังหวะดีๆอยู่ ถ้าซื้อตอนต้นปีตอนนี้ก็คงขาดทุนแล้ว แต่เรายังยืนเป้าที่ 2 หมื่นบาร์เรลใน 3 ปี ไม่ต้องรีบให้ได้ตามเป้าแล้วไม่เป็นผลดีกับบริษัท รอแล้วได้เปรียบรอดีกว่า"นายชัยวัฒน์ กล่าว

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า สถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอยู่ในระดับต่ำในขณะนี้ บริษัทก็ได้ดำเนินการรัดเข็มขัด ลดค่าใช้จ่าย แต่ในส่วนของเป้าหมายการลงทุนในระยะยาวนั้นไม่ได้เปลี่ยนแปลง โดยจะลงทุนราว 9 หมื่นล้านบาทในช่วง 5-6 ปีข้างหน้า โดยเป็นงบลงทุนในปีนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะเป็นการลงทุนในส่วนของโรงกลั่น และตลาดราว 5-6 พันล้านบาท และการลงทุนในโครงการใหม่ราว 5-6 พันล้านบาทตามเป้าหมาย

แผนธุรกิจการตลาดน้ำมันนั้น บริษัทมีแผนจะใช้เงินลงทุนราว 1 หมื่นล้านบาทเพื่อพัฒนาสถานีบริการน้ำมันอีกราว 300-400 แห่งภายในปี 63 ซึ่งรวมถึงสถานีบริการน้ำมันขนาดใหญ่ที่ใช้เงินลงทุนราว 60-70 ล้านบาท ที่จะเปิดประมาณ 4-5 แห่ง/ปีด้วย โดยบริษัทจะรุกสถานีบริการน้ำมันมาตรฐานที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น โดยเน้นตามหัวเมือง และถนนสายหลักต่างๆ โดยมุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขั้น โดยวางเป้าหมายจะมีสถานีบริการขนาดใหญ่ดังกล่าวราว 40-50 แห่งภายใน 4-5 ปีข้างหน้า ขณะที่โอกาสการขยายไปยังต่างประเทศนั้น แม้ว่าจะให้ความสนใจที่ลาวอยู่ แต่ยังไม่รีบร้อนเพราะมาตรฐานการใช้น้ำมันของประเทศเพื่อนบ้านยังต่ำกว่ามาตรฐานน้ำมันของในประเทศ

สำหรับยอดขายน้ำมันผ่านสถานีบริการน้ำมันในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาเติบโตราว 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งมาจากทีมงานบริหารของบริษัท และราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำทำให้มีการใช้เพิ่มขึ้น ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดของบริษัทยังทรงตัวในระดับ 15%

อนึ่ง เมื่อวานนี้ BCP ได้เปิด Lemon Green Square:All-In-One Bangchak Food Station ในสถานีบริการน้ำมันบางจาก ชะอำ ปาร์ค เพชรบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในธุรกิจ Non-Oil ของบริษัท ซึ่งจะเป็นที่รวมร้านอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพสูง ตอบรับทุกความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งนับเป็นแห่งที่สองหลังจากที่ก่อนหน้านั้นได้เปิดให้บริการสาขาแรก สถานีบริการน้ำมันบายพาส-ชลบุรี กม.1


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ