นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เซ็นสัญญาจำหน่ายก๊าซธรรมชาติอัดเพิ่มในสาขา 2 ให้บริษัทคิมเบอร์ลี่ย์-คล๊าค ประเทศไทย จำกัด ซึ่งอยู่ในอุตสาหกรรมด้านผลิตภัณฑ์สุขอนามัยแบบครบวงจร โดยมีโรงงานตั้งอยู่ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เพื่อขนส่งก๊าซธรรมชาติอัดไปใช้เป็นเชื้อเพลิงในกระบวนการผลิตภายในโรงงาน หลังเข้าไปติดตั้งระบบลดแรงดันก๊าซธรรมชาติอัด ซึ่งเป็นนวัตกรรมแห่งชาติและเป็นสิทธิบัตรที่คิดค้นโดยบริษัทอีกด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มขนส่งก๊าซธรรมชาติภายในสัญญาในเฟส 2 ได้ภายในเดือนกันยายนนี้ คิดเป็นปริมาณการขนส่งก๊าซธรรมชาติอยู่ที่ 570 ล้านบีทียูต่อวัน ต่อเนื่องจากเฟส 1 ที่ขนส่งอยู่แล้ว 520 ล้านบีทียูต่อวัน รวมเป็น 1,090 ล้านบีทียูต่อวัน
“ธุรกิจ iCNG จะเป็นแรงผลักดันต่อผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังของ SCN อย่างมีนัยสำคัญ โดยในเบื้องต้นจากทั้ง 2 โครงการดังกล่าว จะสามารถสร้างรายได้รวมปีละประมาณ 135-145 ล้านบาท ซึ่งกว่า 50% จะรับรู้รายได้จากในครึ่งปีหลังปีนี้ ไม่นับรวมรายได้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต หากบริษัทฯ สามารถบรรลุข้อตกลงในสัญญาขนส่งก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมกับ สิงห์ คอร์เปอเรชั่น ที่จะสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 300 ล้านบีทียูต่อวัน หรือคิดเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้นอีก 40-50 ล้านบาทต่อปี"นายฤทธี กล่าว นายฤทธี กล่าวว่า จากปัจจัยดังกล่าวจะช่วยผลักดันให้บริษัทมียอดจำหน่ายก๊าซธรรมชาติให้กับโรงงานอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 2 เท่าตัว หรือจากเดิมเฉลี่ย 1,500 ล้านบีทียูต่อวัน เพิ่มเป็น 3,500-4,000 ล้านบีทียูต่อวัน นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนรุกขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมรายใหญ่อีกหลายรายให้ความสนใจสั่งซื้อก๊าซธรรมชาติอัด คาดว่าจะได้ข้อสรุปในเร็วๆ นี้