บริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิปีนี้จะลดลงมาอยู่ที่ 10% จากปีก่อนอยู่ที่ 11% ซึ่งเป็นไปตามการปรับตัวลดลงของอัตรากำไรขั้นต้นที่จะมาอยู่ที่ 16-18% ในปีนี้ ลดลงจากปีก่อนที่มีอัตรากำไรขั้นต้น 20% หลังจากบริษัทได้มีการรับงานที่บริษัทเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับวัสดุในสัดส่วนที่มากที่ 70-80% ซึ่งงานประเภทค่าวัสดุเป็นงานที่ให้มาร์จิ้นต่ำ เมื่อเทียบกับงานประเภทค่าแรงที่ให้มารืจิ้นสูงกว่า ทำให้เป็นปัจจัยที่ฉุดอัตรากำไรสุทธิและอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้ลง
ปัจจุบัน บริษัทมีงานในมือ(Backlog)คิดเป็นมูลค่า 1.04 พันล้านบาท ซึ่งจะรับรู้เป็นรายได้ในปีนี้ 800 ล้านบาท ขณะที่เดินหน้าเข้าประมูลงานภาคเอกชน มูลค่ารวม 2.9 พันล้านบาท อยู่ระหว่างการรอระกาศผลในช่วงที่เหลือของปีนี้ โดยบริษัทคาดว่าจะได้รับงานนี้ราว 800 ล้านบาท ขณะที่บริษัทตั้งเป้ารักษาระดับ Backlog ไว้ที่ 1 พันล้านบาท
ทั้งน้ บริษัทได้มีการยื่นเข้าประมูลงานทั้งหมดในปีนี้มูลค่า 5.54 พันล้านบาท ได้รับงานไปแล้ว 1.29 พันล้านบาทจากมูลค่างานทั้งหมด
นายเอนก กล่าวอีกว่า บริษัทมีแผนจะออกหุ้นกู้มูลค่า 150 ล้านบาท อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.6% ต่อปีในช่วงเดือน ก.ย.นี้ เพื่อนำเงินไปใช้ซื้อเครื่องจักร 4 ชุดในช่วงที่เหลือของปีเพื่อมาใช้ในประเทศไทย เนื่องจากบริษัทได้มีการนำเครื่องจักรจำนวน 1 ชุด ไปใช้ในงานโครงการก่อสร้างที่พม่าที่ขณะนี้เริ่มงานทดสอบเสาเข็มมูลค่า 30 ล้านบาทไปแล้ว และในไตรมาส 4/58 จะเริ่มการก่อสร้างเสาเข็มจริงของโครงการมูลค่า 200 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงไตรมาส 4/58 เข้ามาเล็กน้อย