การซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยเคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ โดยแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 1,384.18 จุด และแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 1,375.26 จุด
น.ส.อาภาภรณ์ แสวงพรรค ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งแคบ แต่ถือว่ายังแข็งแกร่งกว่าหลายตลาดในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยตลาดฯบ้านเรามีแรงหนุนจากความคาดหวังต่อการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ที่จะพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น ซึ่งช่วยประคองดัชนีฯให้ติดลบไม่มาก และราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นก็ช่วยกระตุ้นการลงทุนหุ้นในกลุ่มพลังงาน แต่ยังต้องระวังเพราะราคาน้ำมันในตลาดฟิวเจอร์ได้เริ่มปรับตัวลงมากว่า 2% แล้ว อย่างไรก็ดีจะเห็นได้ว่าตลาดฯยังได้แรงพยุงจากหุ้นขนาดเล็ก สังเกตุได้จากตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอไอ(mai) ที่ยังยืนในแดนบวกได้อยู่
นอกจากนี้ ในส่วนของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) ซึ่งก่อนหน้านี้ก็ให้น้ำหนักน้อยลงว่าจะปรับขึ้นในเดือนก.ย.นี้ แต่พอหลังจากที่ตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯออกมาดี และรองประธานเฟดได้กล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯค่อยๆ ขยับตัวขึ้น และมีการส่งสัญญาณว่าเฟดมีโอกาสที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนก.ย.ได้ ทำให้นักลงทุนกลับมากังวลเรื่องนี้กันอีกครั้ง
แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ น.ส.อาภาภรณ์ กล่าวว่า ตลาดฯคงจะแกว่งแคบ แต่โทนมาทางติดลบมากขึ้นเมื่อเทียบกับ 2 วันก่อนหน้านี้ เพราะเมื่อราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นก็มี take profit บ้าง แต่ก็ต้องให้ยืนเหนือ 1,360 ซึ่งเป็นจุดฟิวเตอร์ให้ได้เพราะจะทำให้ภาพทางเทคนิคไม่เสีย พร้อมให้แนวรับ 1,360 จุด ส่วนแนวต้าน 1,390-1,400 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,500.86 ล้านบาท ปิดที่ 270.00 บาท เพิ่มขึ้น 2.00 บาท
KTB มูลค่าการซื้อขาย 1,118.25 ล้านบาท ปิดที่ 17.90 บาท ลดลง 0.30 บาท
JAS มูลค่าการซื้อขาย 919.23 ล้านบาท ปิดที่ 5.50 บาท ลดลง 0.15 บาท
SUPER มูลค่าการซื้อขาย 668.19 ล้านบาท ปิดที่ 1.86 บาท ลดลง 0.03 บาท
PTTGC มูลค่าการซื้อขาย 614.08 ล้านบาท ปิดที่ 57.25 บาท ลดลง 2.75 บาท