บลจ.ธนชาต เชื่อศก.โลกดีส่ง 2 กองทุน T-JapanEQ-T-EuropeEQ ขาย 2-9 ก.ย.

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 1, 2015 15:53 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบุญชัย เกียรติธนาวิทย์ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บลจ.ธนชาต กล่าวว่า บลจ.ธนชาต จะออก 2 กองทุนต่างประเทศ ทั้งธนชาตเจแปน อิควิตี้ (T-JapanEQ) และธนชาตยุโรป อิควิตี้ (T-EuropeEQ) ที่เน้นลงทุนในหุ้นชั้นนำ เพื่อเป็นทางเลือกให้นักลงทุนช่วงตลาดหุ้นไทยผันผวนหนัก เสนอขายครั้งแรกวันที่ 2-9 กันยายน 58 โดยยังเชื่อมั่นเศรษฐกิจโลกยังมีแนวโน้มดี โดยเฉพาะยุโรปและญี่ปุ่น

ทั้งนี้ T-JapanEQ จะลงทุนในกองทุนหลัก Schroder International Selection Fund Japanese Opportunities และ T-EuropeEQ จะลงทุนในกองทุนหลัก Investec European Equity Fund ซึ่งล่าสุดในปีนี้ผู้บริหารกองทุนได้รับรางวัลผู้จัดการกองทุนยอดเยี่ยมจาก Citywire ด้วย โดยทั้งสองกองทุนมีนโยบายลงทุนในหุ้นชั้นดี มีแนวโน้มเติบโตสูง ผ่านการคัดสรรอย่างรอบคอบรวมถึงได้รับการจัดอันดับจาก Morningstar ให้เป็นกองทุน 5 ดาวทั้ง 2 กองทุน เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายการลงทุนมายังต่างประเทศในช่วงที่เศรษฐกิจไทยซบเซาเพื่อโอกาสรับผลตอบแทนที่มากกว่า

"บลจ.ธนชาต ยังมีมุมมองบวกต่อการลงทุนในยุโรปและญี่ปุ่น เพราะทั้ง 2 ประเทศยังคงได้รับแรงบวกจากมาตราการผ่อนคลายทางการเงิน และโดยปัจจัยพื้นฐานก็ยังถือว่าแข็งแกร่งมาก ยังมีโอกาสเติบโตได้สูง"นายบุญชัย กล่าว

นายบุญชัย กล่าวว่า ขณะนี้ตลาดมีความกังวลต่อเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ โดยในประเทศมีสัญญาณที่จะฟื้นตัวลดลงเมื่อช่วงต้นปี ถูกรบกวนทั้งจากการเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐที่ยังไม่เป็นไปตามเป้า และผลกระทบจากเหตุระเบิด ที่ทำให้ความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวลดลง โดยสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) ประเมินว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในช่วงปลายปีจะหายไปอย่างน้อย 3 แสนคน ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ยังอยู่ในช่วงรอปัจจัยบวกมากระตุ้นให้ฟื้นตัว

ส่วนเศรษฐกิจโลก ปัจจัยที่รบกวนหลักๆ ในขณะนี้ คือ การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และการลดค่าเงินหยวน ที่ในช่วงหนึ่งก็ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกตกรับข่าวจีนกันถ้วนหน้า ทำให้ธนาคารกลางของจีนต้องลดอัตราการกันสำรองของธนาคารพาณิชย์ และประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นรอบที่ 3 ของปี หลังจากนั้นแม้ตลาดจะไม่รับข่าวแรงมากนัก แต่ทั่วโลกก็ปรับตัวมาอยู่ในแดนบวกกันถ้วนหน้า เพราะสามารถคลายกังวลในระดับหนึ่งว่ารัฐบาลจีนยังคงพยายามหามาตรการมาช่วยเหลือและฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ขยายตัวได้ 7% ตามที่คาดไว้

อย่างไรก็ตามมองว่าเศรษฐกิจยุโรปมีแนวโน้มฟื้นตัว หลังจากวิกฤตกรีซคลี่คลาย และแนวโน้มของธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)ที่จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกันยายนนี้ ก็จะทำให้เงินยูโรอ่อนค่าซึ่งเป็นผลดีต่อภาคการส่งออกที่เป็นสัดส่วนกว่า 40% ของผลิตภัฑณ์มวลรวมภายในประเทศ( GDP) ขณะที่ข้อมูลดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของยูโรโซนเดือนสิงหาคมก็ปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี โดย Investec ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทุนหลักให้ความเห็นที่น่าสนใจไว้ว่า ส่วนมากหาก GDP โตได้มากกว่า 1% บริษัทมักมีผลกำไรเติบโตมากกว่า 10% (Investec, มิ.ย 58)

ทางด้านญี่ปุ่นก็ได้รับผลบวกจากเงินเยนที่อ่อนค่าจากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เช่นกัน ส่งผลให้ภาคการส่งออกและท่องเที่ยวเติบโต ประกอบกับนโยบายของกองทุนบำเหน็จบำนาญญี่ปุ่นที่เน้นลงทุนในหุ้นมากขึ้น และนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศผ่านการลดภาษีนิติบุคคลเพื่อจูงใจผู้ประกอบการขึ้นเงินเดือนแก่พนักงาน ส่งผลให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด JPMorgan คาดว่าผลประกอบการบริษัทญี่ปุ่นอาจเติบโตได้ 15-20% ภายในปีนี้และปีหน้า (JPMorgan, ส.ค. 58)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ