นอกจากนี้ ยังจะรุกธุรกิจผลิตไฟฟ้า โดยอยู่ระหว่างเจรจาทำโครงการโรงไฟฟ้าขยะ 2-3 ราย และการเข้าร่วมเสนอขายไฟฟ้าในโครงการรับซื้อไฟฟ้า จากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ ซึ่งคาดหวังจะได้งานราว 20 เมกะวัตต์ (MW) เพื่อจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบปี 59-60
"ครึ่งปีแรกนั้นบริษัทมีการตั้งสำรองพิเศษ 700 ล้านบาท ทำให้กำไรสุทธิของบริษัทน้อย แต่ในช่วงครึ่งปีหลังจะไม่มีการตั้งสำรองพิเศษและธุรกิจเทรดดิ้งของบริษัทจะเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนผลการดำเนินงาน ซึ่งจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังจะออกมาดีกว่าครึ่งปีแรก"นายบุญเลิศ ใจมั่น ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ฝ่ายวางแผนกลยุทธ์และนักลงทุนสัมพันธ์ ของ LOXLEY กล่าว
นายบุญเลิศ คาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ 2.5% สูงกว่า 2.31% ในปีก่อน และอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 17% จาก 15.75% ในปีก่อน แต่บริษัทได้ปรับลดรายได้ลง 15-20% จากเป้าหมายเดิมในปีนี้ที่ 1.7 หมื่นล้านบาท เนื่องจากโครงการใหม่ๆของภาครัฐชะลอตัว ประกอบกับงานติดตั้งอุปกรณ์สำหรับเครือข่ายดิจิตอลทีวี ของช่อง 5,ช่อง 9 และกรมประชาสัมพันธ์ มีความล่าช้าส่งผลต่อรายได้จากงานโครงการ และทำให้รายได้รวมของบริษัทในช่วงครึ่งปีแรกทำได้เพียง 5.12 พันล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้บริษัทมีมูลค่างานในมือ(Backlog) อยู่ที่ 8.33 พันล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลัง 45% ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากงานโครงการมากถึง 50% ,ธุรกิจเทรดดิ้ง 40% และธุรกิจบริการ 10%
สำหรับความชัดเจนการเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Partner) กับบมจ.ทีโอที นั้นได้มีการเลื่อนข้อสรุปของการคัดเลือกจากทีโอทีออกไปอีก 1-2 เดือน จากเดิมคาดว่าจะสรุปในช่วงเดือนส.ค.นี้ ซึ่งล่าสุดบริษัทได้หารือกับทีโอทีแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ว่ามีธุรกิจใดบ้างที่บริษัทได้ยื่นข้อเสนอไปเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ร่วมกัน จากทั้งหมด 6 ธุรกิจ ส่วนโครงการหวยออนไลน์อยู่ระหว่างการรอทำประชาพิจารณ์ ซึ่งจะเกิดขึ้นภายในปลายปีนี้ และหากประพิจารณ์ผ่านไปแล้ว จะสามารถเริ่มโครงการหวยออนไลน์ได้ภายในปี 59 ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการติดตั้งระบบประมาณ 3 เดือน ก่อนเริ่มโครงการ
นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนเข้าประมูลงานใหม่บริษัทอีก 2 หมื่นล้านบาทในช่วงจากนี้จนถึงกลางปี 59 โดยคาดหวังได้งานราว 50% ของที่เข้าประมูล แบ่งเป็น งานโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ มูลค่า 1 หมื่นล้านบาท และงานอื่นๆอีก 1 หมื่นล้านบาท รวมทั้ง บริษัทจะเสนอขายรถเมล์ไฟฟ้าให้กับขสมก.จำนวน 500 คัน ซึ่งตามแผนของขสมก.จะเปลี่ยนรถเมล์ NGV 3,183 คัน และในจำนวนที่จะเปลี่ยนเป็นรถเมล์ NGV จะมีการใช้รถเมล์ไฟฟ้า 500 คัน โดยบริษัทอยู่ระหว่างการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรจีนบริษัท BYD ภายใน 1-2 เดือนนี้ เพื่อผลิตรถเมล์ไฟฟ้า
ส่วนธุรกิจพลังงานทดแทนปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการรอการคัดเลือกโครงการโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้รับส่วนแบ่งในโครงการดังกล่าวราว 20 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น 4 โครงการ โครงการละ 5 เมกะวัตต์ คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ในช่วงปี 59-60 โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนภายในปีนี้ ขณะเดียวกันบริษัทได้เจรจากับโรงงานอุตสาหกรรมที่มีขยะอุตสาหกรรมและมีความประสงค์ทำโรงไฟฟ้าจากขยะอุตสาหกรรม 2-3 ราย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 59 อีกทั้งบริษัทได้ศึกษาการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานลมในภาคใต้ 6 เมกะวัตต์เพิ่มเติมด้วย อย่างไรก็ตามการลงทุนในโครงการใหม่ๆของบริษัทจะต้องศึกษาอย่างรอบคอบ เนื่องจากปัจจุบันการลงทุนมีความเสี่ยงพิ่มมากขึ้น