ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้จะเติบโต 25% จาก 432.8 ล้านบาทในปีก่อน โดยมองรายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงไตรมาส 3/58 นับเป็นช่วงไฮซีซั่นของวงการโทรทัศน์ ทั้งในด้านของการผลิตคอนเทนต์เพื่อออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ต่างๆเพิ่มสูงขึ้น และอัตราการใช้จ่ายของธุรกิจสื่อโฆษณา ขณะที่บริษัทจะรับรู้รายได้จากการออกอากาศรายการ Dance Your Fat Off รวมถึงออกอากาศรายการ The price is right ซึ่งรวมทั้ง 2 รายการจะมีมูลค่าสัญญารวม 130 ล้านบาท
ขณะที่ยังมีการรับรู้รายได้จากรายการเดิมที่ออกอากาศอยู่ในปัจจุบัน ประกอบด้วย 4 รายการ ที่ TVT เป็นเจ้าของรายการ ได้แก่ Masterkey,หลวงตามหาชน,Take Me Out Thailand และ Family Fighting และอีก 3 รายการที่เป็นรายการรับจ้างผลิต ได้แก่ Who's asking,วาไรตี้แบเบอร์ และวาไรตี้ 3 ฝ่าย อย่างไรก็ตามคาดว่าปีนี้จะมีรายการรวมทั้งสิ้น 14-15 รายการ
นอกจากนี้ความคืบหน้าของการก่อสร้างสตูดิโอแห่งใหม่คาดว่าจะแล้วเสร็จได้ในเดือนธ.ค.นี้ 1 แห่ง และจะดำเนินการแล้วเสร็จในเดือนเม.ย.59 อีก 2 แห่ง ทำให้บริษัทมีความสามารถที่จะรองรับการผลิตรายการและรับจ้างผลิตรายการได้มากขึ้นอย่างน้อย 2-3 เท่า และจะส่งผลทำให้รายได้ในปี 59 เติบโตได้อย่างน้อย 20% จากปีนี้
สำหรับการเข้าซื้อกิจการในบริษัทโปรดักส์ชั่นเฮ้าส์ ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับผู้ประกอบการ โดยคาดว่าน่าจะสรุปได้ในปีนี้จำนวน 1 ราย และน่าจะรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 4/58 ทันที ซึ่งบริษัทมีเงินทุนหมุนเวียนอยู่ที่ 290 ล้านบาท และมีหนี้สินต่อทุน(D/E) เพียง 0.23 เท่า ทำให้ยังมีความสามารถที่จะกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้อีกมาก ประกอบกับหากวงเงินไม่เพียงพอก็จะมองหาการใช้เครื่องมือทางการเงินอื่นๆเพิ่มเติม
"เรามองอุตสาหกรรมสื่อโดยรวมปีนี้น่าจะเติบโตได้ 1-2% จากครึ่งปีหลังนี้ที่เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจสื่อโฆษณา โดยเราก็มีการเติบโตที่ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินโฆษณา และการปรับครม.ใหม่ ก็น่าจะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจจากการที่มีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับผู้มีรายได้น้อยขึ้นมา ส่งผลต่อเม็ดเงินโฆษณาที่จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย"นายพิรัฐ กล่าว