ทั้งนี้ กองทุนเปิด ทิสโก้ เจแปน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% #7 จะเน้นลงทุนในหุ้นชั้นนำของญี่ปุ่น ผ่านกองทุนอีทีเอฟ Nikkei 225 Exchange Traded Fund เพื่อสร้างผลตอบแทนใกล้เคียงดัชนี Nikkei 225 โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายใน 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทนว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเมื่อเลิกกองทุน มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท มูลค่าจองซื้อขั้นต่ำ 5,000 บาท
นายสาห์รัช กล่าวว่า ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังคงเป็นหนึ่งใน Top Pick ของทิสโก้ โดยหากดูจากปัจจัยแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ, Valuation ของตลาดหุ้น และความสามารถในการทำกำไร เมื่อวิเคราะห์ปัจจัยทั้งหมดรวมกัน เรามองว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในตลาดที่มีความน่าสนใจมากที่สุด โดยในแง่ของเศรษฐกิจเรามองว่ายังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีจากภาคการลงทุน และการบริโภคที่น่าจะฟื้นตัวชัดเจนขึ้น อีกทั้งค่าเงินเยนที่มีแนวโน้มอ่อนลงจะช่วยให้การส่งออกของญี่ปุ่นปรับตัวดีขึ้น ในแง่ของฟันด์โฟลว์ ทิสโก้คาดว่าจะยังคงมีเม็ดเงินทยอยเข้าลงทุนในตลาดหุ้นญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง จากการทำ QE ของ BoJ รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นของกองทุนบำเหน็จบำนาญของญี่ปุ่น
นอกจากนี้ หากพิจารณาในแง่ของ Valuation ก็พบว่าหุ้นญี่ปุ่นยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ Forward P/E ที่ 17 เท่า และ PBV ที่ 1.7 เท่า ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในอดีต ประกอบกับนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นจะเป็นตลาดที่มีการเติบโตของผลกำไรโดดเด่นในปีนี้ โดยคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 15% ดังนั้น ในช่วงที่หุ้นย่อตัวลงมาน่าจะเป็นโอกาสดีของนักลงทุนในการเข้าลงทุน โดยเฉพาะตลาดหุ้นที่มีพื้นฐานดีอย่างตลาดหุ้นญี่ปุ่น เราจึงแนะนำซื้อ