ขณะที่ปี 58 บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้ในระดับ 20% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.85 พันล้านบาท แม้ว่าครึ่งปีแรกจะลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 872.3 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังการเติบโตในช่วงครึ่งปีหลังที่น่าจะเติบโตได้ราว 15% ซึ่งยอมรับว่าอาจจะเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ภาพรวมทั้งปีเติบโตได้ตามเป้าหมายเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศชะลอตัว รวมถึงตลาดอินโดนีเซียก็ชะลอตัวเช่นกัน
ประกอบกับ การกระจายสินค้าในประเทศจีนและแผนการจัดตั้ง Sappe China ต้องใช้เวลานานกว่าที่คาดไว้ในเบื้องต้น โดยคาดว่าการกระจายสินค้าให้ได้ครอบคลุมในระดับเป้าหมายเดิมน่าจะเสร็จสิ้นได้ภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม บริษัทคาดหวังนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจที่จะเข้ามาช่วยผลักดันการใช้จ่ายในระดับผู้มีรายได้น้อย ก็น่าจะทำให้ธุรกิจเติบโตไปได้ ส่วนตลาดส่งออกทุกประเทศนอกเหนือจาก 2 ประเทศดังกล่าว ยังมีการเติบโตในระดับที่ดีอย่างต่อเนื่องตามแผนที่วางไว้ ขณะที่บริษัทฯจะยังรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นไว้ให้อยู่ที่ 41%
"จากความผันผวนของสถานการณ์การชะลอตัวของภาวะเศรษฐกิจในแทบทุกภูมิภาคทั่วโลก ทำให้การเติบโตในตลาดต่างประเทศในปีนี้ อาจจะดูไม่โดดเด่นตามแผนงานที่วางไว้ แต่ทางบริษัทฯก็ได้ปรับกลยุทธ์ทั้งในด้านช่องทางขายและการออกสินค้าใหม่ที่มีศักยภาพ รวมถึงปรับโครงสร้างการทำงานของสายงานการขายและการตลาดทั้งหมด เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับสถานการณ์ปัจจุบัน และจากการปรับแผนงานที่วางไว้ ทำให้บริษัทฯมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันยอดขายเติบโตได้ถึง 5,000 ล้านบาทมนปี 60"นางสาวปิยจิต กล่าว
ทั้งนี้ กลุ่มผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพและความงาม ยังสามารถทำยอดขายเติบโตอย่างโดดเด่น และสามารถทวงตำแหน่งผู้นำในตลาดเครื่องดื่มฟังชั่นนอลดริ้งกลับมาได้ ขณะที่เครื่องดื่มว่านหางจระเข้ สามารถก้าวขึ้นเป็นผู้นำตลาดในกลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของว่านหางจระเข้ โดยยังเห็นโอกาสการขยาตัวได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ บริษัทฯก็อยู่ระหว่างศึกษาการลงทุนใหม่ๆเพิ่ม ทั้งในรูปแบบของการเข้าซื้อกิจการและการร่วมมือกันทางธุรกิจ ในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอหารและเครื่องดื่ม ซึ่งคาดว่าน่าจะเห็นความชัดเจนได้หลังปี 60 โดยปัจจุบันบริษัทมีหนี้สินต่อทุน(D/E)เพียง 0.37 เท่า มองว่ายังมีความแข็งแกร่งและพร้อมที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่มีโอกาสในการเติบโสูง เพื่อผลักดันให้บริษัทฯมีการเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ
ส่วนการขยายงานผลิตใหม่ของโรงงานที่จ.ปทุมธานี ได้เริ่มเปิดดำเนินการในไตรมาส 3/58 เพื่อรองรองรับและสนับสนุนแผนดำเนินงานด้านการตลาดและการขายทั้งในประเทสและต่างประเทศ โดยกำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นถึง 130,000 ตันต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 100,000 ตันต่อปี