สำหรับปีนี้มองว่า รายได้ของบริษัทในปีนี้มีโอกาสทะลุเป้าที่ตั้งไว้ 1.5 พันล้านบาท จากการเติบโตที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจพลังงานทดแทน ส่งผลให้กำไรสุทธิในปีนี้จะดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 53.65 ล้านบาท และมีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มเป็น 6-7% จากปีก่อนที่ 5%
ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/58 ทั้งรายได้และกำไรสุทธิจะดีกว่าไตรมาส 2/58 ที่มีรายได้อยู่ที่ 523.98 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 25 ล้านบาท เนื่องจากตั้งแต่ไตรมาส 3/58 เป็นต้นไปบริษัทมีการรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ของโครงการโซลาร์รูฟท้อป จำนวน 2 เมกะวัตต์ ได้เต็มไตรมาส ประกอบกับธุรกิจเทรดดิ้งของบริษัทมีการขยายฐานการผลิตและมีการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมก่อสร้าง เครื่องนุ่งห่ม กระดาษ และสื่อสิ่งพิมพ์ เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดขายของธุรกิจเทรดิ้งมีการเติบโตมากขึ้น
ขณะเดียวกันในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะมีการเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ของโครงการไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่แม่แตง จ.เชียงใหม่ จำนวน 1.5 เมกะวัตต์ ซึ่งอยู่ระหว่างรอเชื่อมสายส่ง ซึ่งคาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าได้ในไตรมาส 3/58 ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ภูผ่าหม่าน จ.ขอนแก่น 2 โรง โรงละ 1.5 เมกะวัตต์ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ได้ภายในปลายปีนี้
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนบริษัทตั้งเป้าหมายกำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มเป็น 100 เมกะวัตต์ ในปี 61 จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตไฟฟ้าอยู่ที่ 6.5 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น พลังงานแสงอาทิตย์ 2 เมกะวัตต์ และชีวมวล 4.5 เมกะวัตต์ ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าจะได้ข้อสรุปการเข้าซื้อกิจการโรงไฟฟ้าจากที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง จำนวน 7 เมกะวัตต์ ในช่วงไตรมาส 3/58 ถึงไตรมาส 4/58 มูลค่า 230 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรู้รายได้เข้ามาได้ทันที และทำให้สิ้นปี 58 บริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 13.5 เมกะวัตต์ และปีหน้าจะเพิ่มเป็น 30 เมกะวัตต์