นอกจากยอดขายจากเครื่องกรองน้ำซึ่งเป็นรายได้หลักแล้ว บริษัทยังมียอดขายเครื่องปรับอากาศด้วย และในเดือนพ.ย.นี้ จะนำเครื่องทำน้ำอุ่นภายใต้แบรนด์ SAFF (เซฟ) ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับ Vender เพื่อนำเครื่องซักผ้า (ยังไม่ระบุแบรนด์) และเครื่องใช้ในบ้านมาขาย โดยคาดจะสรุปได้ปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4/58 นี้
"กลยุทธ์เราจะรุกตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยจะไปเปิดสาขาเพิ่ม ขณะที่ในกทม.เราจะเปิดเป็นศูนย์บริการมากกว่า โดยกำลังมองเปิดศูนย์บริการที่ฝั่งธน และลำลูกกาอยู่ หลังเปิดที่สมุทรปราการ ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานขาย 2,200 ราย พนักงานขายเพิ่มขึ้น ยอดขายก็เพิ่ม และเรามีฐานลูกค้าเครื่องกรองน้ำอยู่ 4 แสนราย เราก็จะเสนอขายแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องซักผ้า เข้าไป ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเงินผ่อน"นายวิรัช กล่าว
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากเครื่องกรองน้ำ 95% เครื่องปรับอากาศ (ไดกิ้น) 5% ปี 59 คาดหวังยอดขายเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มเป็น 10% เพราะตั้งแต่ช่วงก.พ.59 การขายเครื่องปรับอากาศน่าจะคึกคัก
บริษัทคาดหวังใน 3-5 ปีข้างหน้ายอดขายจะแตะ 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าไม่เกิน 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 50% กทม. 50% จากปัจจุบัน กทม. 85% ต่างจังหวัด 15% ซึ่งตามแผนจะขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มปีละ 7-10 สาขา จากสิ้นปีนี้คาดจะมีสาขารวม 16 สาขา ทั้งนี้ เพื่อทำยอดขายให้ได้ตามเป้า อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับดีเวลลอปเม้นท์หลายราย เพื่อจะเอาสินค้าของบริษัทขายงานโครงการด้วย โดยเสนอเป็นแพ็กเก็จเข้าไป ก็น่าจะได้วอลุ่มเพิ่มจากปัจจุบันยังไม่มียอดขายจากส่วนนี้
นายวิรัช กล่าวว่า บริษัทได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1-2 ไร่ ใกล้ๆโรงงานเดิมเพื่อพัฒนาเป็นคลังสินค้าและสามารถเพิ่มไลน์การผลิตได้ ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พื้นที่ 1,500 ตร.ม.คาดก่อสร้างเดือนต.ค.และเสร็จในไตรมาส 1/59 รองรับการขยายงานของบริษัทได้ถึงกลางปี 60
ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ อยู่ระหว่างศึกษา 3 แนวทางที่จะไป ได้แก่ การร่วมทุน ((Joint Venture) ตั้งตัวแทนจำหน่าย และเปิดสาขาเอง เบื้องต้นน่าจะเป็นตั้งตัวแทนจำหน่ายเพราะง่ายสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นในปี 59