"ปีนี้เราคาดว่ากำไรสุทธิปีนี้คงจะต่ำกว่าปีก่อน แม้ว่าเรายังจะรักษารายได้ใกล้เคียงกับปีก่อนอยู่ เนื่องจากการแข่งขันในตลาดค่อนข้างสูง ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯปรับตัวลดลง แต่คู่แข่งยังมีเท่าเดิม ทำให้เกิดการแข่งขันทางราคาขึ้น สำหรับในช่วงครึ่งปีหลังเองยังไม่สามารถประเมินสถานการณ์ได้ เนื่องจากยังต้องรอติดตามนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐฯที่จะออกมาก่อนว่าจะสามารถช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากน้อยแค่ไหน"นายสุรเดช กล่าว
นายสุรเดช กล่าวว่า บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตรในประเทศเมียนมาร์เพื่อตั้งบริษัทร่วมทุนสำหรับใช้เป็นฐานในการขยายตลาดอาเซียน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในปีนี้
ส่วนธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์นั้นบริษัทฯ ตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตอีก 30-60 เมกะวัตต์ภายในปี 61 จากปัจจุบันที่มีกำลังการผลิตอยู่ 15 เมกะวัตต์ โดยอยู่ระหว่างรอการประกาศรับซื้อไฟฟ้ารอบใหม่จากภาครัฐ ซึ่งบริษัทฯ มีความพร้อมด้านการลงทุน เพราะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) เพียง 1.3 เท่า รวมถึงมีเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ในตลาดทุนให้เลือกใช้ได้หลากหลาย