บลจ.กสิกรฯ มอง SET Index ปลายปี 1,400-1,450 จุด เร่งเบิกจ่ายงบ-โครงการรัฐหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 7, 2015 12:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ บลจ.กสิกรไทย เปิดเผยถึงมุมมองตลาดหุ้นไทยว่า มองเป้าหมายดัชนีหุ้นไทยปลายปี 58 ที่ระดับ 1,400-1,450 จุด ซึ่งคิดเป็น P/E ที่ประมาณ 13 เท่า

ขณะที่จากข้อมูลของการประมาณผลกำไรรวมของบริษัทจดทะเบียนของ Bloomberg ตลาดได้คาดการณ์อัตราการเติบโตทางกำไรของบริษัทจดทะเบียนในดัชนีหุ้นไทย (SET Index) ในปี 58 นี้ที่ประมาณ 17% และในปี 59 ที่ 14%

ทั้งนี้ ในระยะสั้นตลาดหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากความผันผวนของตลาดโลกและเศรษฐกิจในประเทศที่มีแนวโน้มฟื้นตัวช้ากว่าคาด อย่างไรก็ตาม ในระยะกลางถึงยาวตลาดหุ้นไทยยังมีความน่าสนใจ เนื่องจากราคาปัจจุบันได้ปรับลงมามากแล้ว โดยปัจจัยสนับสนุนจะมาจากการเร่งเบิกจ่ายและการผลักดันโครงการลงทุนของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ ที่เน้นช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและเกษตรกร รวมถึงการลงทุนในโครงการขนาดเล็กที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดกิจกรรมทางเศรษฐกิจต่างๆ อาทิ ภาคการจ้างงาน ภาคการก่อสร้างและการลงทุนภาคเอกชน ซึ่งหากดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว จะช่วยเสริมความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในด้านการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชน

ขณะที่แนวโน้มการอ่อนค่าของเงินบาทและการลดค่าเงินหยวนของจีน น่าจะเป็นแรงหนุนต่อภาคการส่งออกของไทย นอกจากนี้ สภาพคล่องในตลาดการเงินโลกที่ยังอยู่ในระดับสูง จากนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของธนาคารกลางหลักๆ ของโลก อาทิ ยุโรป ญี่ปุ่น และจีน ยังเป็นปัจจัยสนับสนุนการลงทุนในหุ้น

ในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทย (SET Index) มีผลการดำเนินงานติดลบกว่า 11% โดยกองทุนหุ้นไทยส่วนใหญ่ต่างมีผลการดำเนินงานติดลบ ตามทิศทางภาวะเศรษฐกิจทั่วโลกที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด เช่นเดียวกับเศรษฐกิจไทย รวมถึงความกังวลในตัวเลขเศรษฐกิจจีนที่ก่อให้เกิดความผันผวนและแรงเทขายอย่างหนักในตลาดการเงินทั่วโลก อย่างไรก็ตาม จากกลยุทธ์การลงทุนที่เน้นการคัดเลือกหลักทรัพย์เป็นรายตัว (Stock Selection) และการบริหารการลงทุนอย่างระมัดระวังตามภาวะตลาด ทำให้กองทุน LTF ของบลจ.กสิกรไทยปรับตัวลงน้อยกว่าตลาด ซึ่งจากผลการดำเนินงานในรอบบัญชีที่ผ่านมา (1 ก.ย. 57 – 31 ส.ค. 58) กองทุนยังสามารถจ่ายเงินปันผลได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากหุ้นที่กองทุนถืออยู่ ซึ่งในช่วงครึ่งปีหลัง กองทุนเน้นการลงทุนในหุ้นปันผล ประกอบกับเป็นฤดูกาลจ่ายเงินปันผลของบริษัทจดทะเบียน ทำให้กองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลได้ ทั้งนี้หากนับรวมการจ่ายปันผลในงวดก่อนหน้าแล้ว จะคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยที่ 2.8-3% ต่อปี

สำหรับมุมมองสถานการณ์เศรษฐกิจ มองว่า เศรษฐกิจไทยยังมีปัจจัยกดดันเรื่องการขยายตัวในช่วงครึ่งปีหลัง 58 โดยสภาพัฒน์ได้ปรับลดคาดการณ์อัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปีนี้เหลือ 2.7%-3.2% จากเดิมที่คาดไว้ 3.0%-4.0% จากความกังวลของภาคการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่อง โดยตัวเลขส่งออกในเดือน ก.ค.58 หดตัวลง 3.56% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 7 ตามการชะลอตัวของอุปสงค์ในตลาดโลกและราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ

ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยที่สำคัญ ได้รับผลกระทบระยะสั้นจากเหตุลอบวางระเบิดในประเทศ รวมถึงการปรับลดค่าเงินหยวนในช่วงที่ผ่านมาอาจจะส่งผลต่อจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวจีนซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 17% ของจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งหมดที่เดินทางมายังไทย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยที่ต้องติดตามคือ การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณของภาครัฐและการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังมีการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งน่าจะช่วยเสริมความเชื่อมั่นโดยเฉพาะภาคการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ