ขณะที่รายได้ในปีนี้บริษัทมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้า 600 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกมีรายได้แล้ว 176.09 ล้านบาท และบริษัทมั่นใจว่าภายในสิ้นปีจะมีโครงการผลิตไฟฟ้าที่สามารถ COD ได้ครบตามเป้าหมายที่ 500 เมกะวัตต์ ทำให้สัดส่วนรายได้ปีนี้มาจากโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 100%
"เรายังตอบไม่ได้ว่าปีนี้ผลการดำเนินงานจะพลิกมีกำไรหรือไม่ เพราะครึ่งปีแรกขาดทุนสุทธิ 217.57 ล้านบาท แต่จะก็ลุ้นว่าไตรมาส 4/58 เราจะกลับมามีกำไรได้ เพราะขายไฟได้เพิ่มมากขึ้น"นายจอมทรัพย์ กล่าว
SUPER มีบริษัท ซุปเปอร์ โซล่าร์ เอนเนอร์ยี จำกัด (SSE) เป็นบริษัทย่อยซึ่งทำธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันสามารถจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบไปแล้ว 28.95 เมกะวัตต์ ขณะที่ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อกิจการผลิตไฟฟ้าหลายโครงการทั้งโครงการที่มีสัญญาซื้อขายไฟฟ้า(PPA) และโครงการได้รับหนังสือแจ้งผลพิจารณาการรับซื้อไฟฟ้า (Letter of Intent :LOI) โดยมีเป้าหมายจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าที่จะไฟฟ้าเข้าระบบในปีนี้รวม 500 เมกะวัตต์ และเพิ่มเป็น 1,000 เมกะวัตต์ในปี 59
นายจอมทรัพย์ กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทจะเสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นในการร่วมทุนโครงการโซลาร์ฟาร์มที่มี PPA จำนวน 260 เมกะวัตต์ และหากที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจะทำให้ปัจจุบันบริษัทมี PPA รวม 460 เมกะวัตต์ ภายในเดือนตุลาคมนี้ และในเดือน ก.ย.-ต.ค.58 จะแจ้ง COD อย่างต่อเนื่อง ซึ่งมาจากส่วนที่ค้างท่อล็อตแรกของปีนี้ส่งผลให้ภายในสิ้นเดือนตุลาคมจะมียอด COD อยู่ที่ 139.6 เมกะวัตต์
"ครึ่งปีหลังจะเริ่มเข้าสู่การจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบในเชิงพาณิชย์ ซึ่งจะทำให้มีรายได้เข้ามาทันทีภายในไตรมาส 3/2558 และจะมีรายได้เข้ามาต่อเนื่องตลอดครึ่งปีหลัง... มั่นใจว่าจะเดินตามแผน COD 500 เมกะวัตต์ภายในสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน"นายจอมทรัพย์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 59 คาดว่าจะทำกำไรสุทธิได้มากกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามการเติบโตของรายได้ที่ตั้งเป้าไว้ 5 พันล้านบาท เนื่องจากในปีหน้าบริษัทสามารถรับรู้รายได้จากการจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ จำนวน 500 เมกะวัตต์ได้เต็มปี และเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 1 พันเมกะวัตต์ จากการที่จะเข้าไปประมูลจากหน่วยงานราชการ และมาจากการร่วมมือกับพันธมิตร อีกทั้งจะส่งผลให้มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดไปจนถึงปี 60 ที่ตั้งเป้าหมาย COD ที่ 2 พันเมกะวัตต์ ซึ่งจะทำให้มีรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่คาดว่าปี 59 จะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่กว่า 920 ล้านบาทได้หมด โดยจะนำส่วนเกินมูลค่าหุ้นมาล้างขาดทุนสะสมดังกล่าว พร้อมกับเตรียมพิจารณาจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นในปี 60 โดยมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ หลังจากที่บริษัทได้หยุดจ่ายเงินปันผลมานานกว่า 5 ปี
นอกจากนี้ อยู่ระหว่างศึกษาความคุ้มค่าในการลงทุนทำโครงการศูนย์สำรองพลังงานไฟฟ้า(Energy storage) เนื่องจากราคาต้นทุนแบตเตอร์รีปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงแต่เชื่อว่าแนวโน้มราคาจะค่อยๆ ปรับตัวลดลง หลังจากประเทศจีนมีการผลิตแบตเตอร์รีเต็มกำลังการผลิต ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างรอความชัดเจนของการประกาศรับซื้อไฟฟ้าจากโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน สำหรับหน่วยราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร (โซลาร์ฟาร์มส่วนราชการฯ) มีกำลังการผลิต 800 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทคาดหวังจะได้ 200 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ บริษัทยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างรอการดำเนินงาน ได้แก่ โครงการพลังงานลม 695 เมกะวัตต์ อยู่ระหว่างรอภาครัฐประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกอย่างเป็นทางการเพื่อทำการเซ็นสัญญา PPA หากได้ PPA แล้วโครงการดังกล่าวคาดว่าจะใช้เงินลงทุนจำนวน 8.34 หมื่นล้านบาท หรือ 120 ล้านบาทต่อเมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทจะใช้กระแสเงินสดที่มีอยู่และเงินกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินโดยบริษัทมีอัตราหนี้ต่อทุน (D/E) 1 เท่า