อย่างไรก็ตามคาดว่าในครึ่งปีหลังยอดขายที่ดินจะกลับมาดีขึ้นและมากกว่าครึ่งปีแรก เพราะได้มีการทำสัญญากับลูกค้ารายใหญ่ในกลุ่มยานยนต์และอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งปัจจุบันมีการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่ที่จะเข้ามาซื้อที่ดินมากกว่า 100 ไร่ ทั้งนี้ บริษัทมั่นใจว่ากำไรสุทธิและรายได้ปีนี้จะมากกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.96 พันล้านบาท และมีรายได้อยู่ที่ 8.23 พันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2.3-2.4 พันล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ภายใน 6 เดือนข้างหน้า
ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/58 จะมีกำไรเป็นสถิติสูงสุดของปีนี้ หากบริษัทสามารถบันทึกกำไรพิเศษจากการขายกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ได้ในไตรมาส 4/58 ซึ่งปัจจุบันกอง REIT ของบริษัทอยู่ระหว่างรอการอนุมัติไฟลิ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) โดยสินทรัพย์ที่ขายเข้ากอง REIT เป็นคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ขนาดพื้นที่ 2.9 แสนตารางเมตร มูลค่าประเมินของกองดังกล่าวอยู่ที่ 7.8-7.9 พันล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถขายสินเข้ากองดังกล่าวได้ภายในปลายปีนี้
ส่วนธุรกิจพลังงานไฟฟ้าของบริษัทได้ตั้งเป้าปี 62 มีกำลังการผลิตรวม 540 เมกะวัตต์ โดยปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิต 340 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นกำลังผลิตไฟฟ้าจากโครงการโรงไฟฟ้าเก็คโค่-วัน ขนาดกำลังการผลิต 660 เมกะวัตต์ โดยบริษัทได้ถือหุ้นของโครงการดังกล่าวในสัดส่วน 35% นอกจากนี้บริษัทบริษัทยังได้เซ็นสัญญาร่วมกับบริษัทบี.กริม และบริษัทกัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ เพื่อลงทุนทำโครงการไฟฟ้าขนาดเล็ก (SPP) จำนวน 222 เมกะวัต์ โดยจะเริ่มทยอยจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์(COD) ในช่วงปี 60