นายนิมิต วงศ์จริยกุล กรรมการบริหาร บล.โนมูระ พัฒนสิน ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) กล่าวว่า AME มีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 23.03% ของทุนจดทะเบียน มูลค่าที่ตราไว้(พาร์) 0.10 บาท ซึ่ง AME มีจุดแข็งหลายด้านถือเป็นผู้นำในธุรกิจส่งข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง ผ่านโทรศัพท์มือถือ
นายบัญชา จันทรอมรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AME กล่าวว่า AME มีความชำนาญในธุรกิจบริการเสริมบนโทรศัพท์มือถือที่ตลาดยังเติบโตต่อเนื่อง หลังระดมทุนจะช่วยให้บริษัทมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เดินหน้าพัฒนาคอนเท้นท์ใหม่ พร้อมบุกตลาดอี-คอมเมิร์สผ่านแอพพลิเคชั่น MShopping ขยายการลงทุนในตลาด AEC
"ตลาดธุรกิจบริการเสริมด้านข้อมูลข่าวสาร หรือสาระความบันเทิงยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมากเพราะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทย ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรคนก็ยังบริโภคข่าวสาร และการเข้ารุกตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยการขายสินค้าผ่านแอพพลิเคชั่น MShopping อย่างเต็มรูปแบบของ AME โดยจะมีการเพิ่มสินค้าประเภทความงามสินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก ที่ความต้องการในตลาดมีสูงและได้มีการเตรียมพร้อมในระบบจัดส่งสินค้า ไว้เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจไม่มีปัญหาในการรับสินค้า ซึ่งเชื่อว่าจะผลักดันรายได้ของ AME เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต"นายบัญชา กล่าว
สำหรับผลการดำเนินงานรอบปี 58 สิ้นสุด 31 มี.ค.58 (1 เม.ย.57-31 มี.ค.58) มีรายได้จากการขานและบริการ 130.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 48.23 ล้านบาท ในรอบปี 57 หรือเพิ่มขึ้น 170.56% มีกำไรสุทธิรอบปี 58 ที่ 28.63 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,678.10% จากรอบปี 57 ที่กำไร 1.61 ล้านบาท
นายบัญชา กล่าวต่อว่า วัตถุประสงค์ในการระดมทุนครั้งนี้ คือ นำไปพัฒนา Content บนโทรศัพท์มือถือ และ VDO บนโทรศัพท์มือถือ, พัฒนาระบบฮาร์ดแวร์และซอฟแวร์ ของ MShopping, พัฒนาแอพพลิเคชั่น MShopping และที่เหลือจะใช้เป็นเงินทุนหมนเวียนในบริษัทฯ
ทั้งนี้ บริษัทฯมองแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจบริการเสริมด้านข้อมูลข่าวสาร หรือสาระความบันเทิง (Content) ยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก เนื่องจากสังคมปัจจุบันยังมีความต้องการข้อมูลข่าวสารในรูปแบบดังกล่าว และเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับสังคมไทยได้ทุกยุคสมัย ขณะที่ธุรกิจตลาดอีคอมเมิร์ซ โดยการขายผ่านแอพพลิเคชั่น MShopping บริษัทจะมีการเพิ่มสินค้าประเภทความงาม สินค้าที่เกี่ยวกับแม่และเด็ก ที่มีความต้องการสูง และได้มีการเตรียมพร้อมในระบบจัดส่งสินค้า (โลจิสติกส์) เพื่อให้ลูกค้ามั่นใจได้ว่าจะไม่มีปัญหาในการรับสินค้า ซึ่งเชื่อว่าจะผลักดันรายได้ AME เติบโตอย่างแข็งแกร่งในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้งวดบัญชีสิ้นสุดเดือนมี.ค.59 จะเติบโตได้ 20% จากงวดปีบัญชีสิ้นสุดเดือน มี.ค.58 มีรายได้อยู่ที่ 130 ล้านบาท เป็นไปตามการเติบโตของ 2 ธุรกิจ คือ Content และ อีคอมเมิร์ซ โดยสัดส่วนรายได้ปัจจุบันจะอยู่ที่ 90:10% ตามลำดับ ขณะเดียวกันบริษัทฯจะมีการขยายฐานลูกค้าในส่วนของ Content เติบโตอย่างต่อเนื่อง จากปัจจุบันมีลูกค้าอยู่ที่ 7 แสนราย ประกอบกับอยู่ระหว่างเจรจากับพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อขยายธุรกิจ Content ไปยังประเทศ AEC ซึ่งยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้
นายนิมิต กล่าวว่า บริษัทฯคาดจะสามารถยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสำนักงาน (ก.ล.ต.) ได้ในช่วงไตรมาส 3/58 และหวังนำบมจ. เอเอ็มอี เทคโนโลยี เข้าจดทะเบียนได้อย่างเร็วปลายปี 58 หรือต้นปี 59 โดยเชื่อว่าธุรกิจดังกล่าวมีการเติบโตสูง เป็นไปตามการเปลี่ยนแปลงของประเทศและพฤติกรรมของมนุษย์ที่เน้นความสะดวกสบายมากขึ้น ในการเลือกซื้อสินค้า และการเข้าถึงสาระความบันเทิงต่างๆ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน จากธุรกิจนี้เป็นธุรกิจที่มีความน่าสนใจ
บมจ. เอเอ็มอี เทคโนโลยี (AME) มีความพร้อมจะเข้าระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai โดยมีแผนเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็น 23.08% ของทุนจดทะเบียนมูลค่าตราไว้ที่ (พาร์) หุ้นละ 0.10 บาท