TICON ปรับลดเป้ารายได้ปีนี้เหลือใกล้เคียงปีก่อน,แต่ยังมั่นใจกำไรแน่

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 8, 2015 12:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอนอินดัสเทรียล คอนเนคชั่น (TICON) เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้เป็นใกล้เคียงกับปี 57 ที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 6.16 พันล้านบาท จากเดิมตั้งเป้าเติบโต 5% เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวและผู้เช่าโรงงานของบริษัทได้ชะลอการตัดสินใจเช่า ทำให้อัตราการเช่าลดลง โดยเฉพาะอัตราการเช่าโรงงานที่ปัจจุบันอยู่ที่ 50% เนื่องจากความต้องการเช่าโรงงานมีน้อยลง ในขณะที่อัตราการเช่าคลังสินค้าของบริษัทอยู่ที่ระดับ 70% ยังอยู่ในระดับปกติ

อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการในปีนี้ยังเป็นบวกแน่นอน โดยคาดว่าไตรรมาส 3/58 จะพลิกกลับมามีกำไร หลังจากครึ่งปีแรกขาดทุน 29.62 ล้านบาท เนื่องจากจะมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) แต่เบื้องต้นยังไม่สามารถเปิดเผยมูลค่าที่จะขายเข้ากองทุนดังกล่าวได้ในตอนนี้ แต่การขายสินทรัพย์เข้ากองทุนดังกล่าวจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานของบริษัทในไตรมาส 3/58 พลิกกลับมาเป็นบวกได้

ขณะเดียวกันผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/58 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี ซึ่งมีกำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์ที่เป็นโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่า เนื้อที่ 115,000 ตารางเมตร เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TREIT) มูลค่าราว 3 พันล้านบาท ซึ่งจะขายเข้ากองรีทและบันทึกเป็นกำไรพิเศษในไตรมาส 4/58 แต่อย่างไรก็ตามบริษัทมีการปรับลดเนื้อที่ที่จะขายเข้ากองรีทลดลงจากเดิมที่จะขายทั้งหมด 200,000 ตารางเมตร

ประกอบกับ จะมีการบันทึกกำไรพิเศษจากการขายที่ดินมูลค่า 260 ล้านบาท และมีรายจากการให้เช่าโรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าในกรุงจากาตาร์ ประเทศอินโดนีเซีย 150,000 ตารางเมตร ซี่งปัจจุบันมีการเช่าพื้นที่คลังแล้ว 34,000 ตารางเมตร โดยบริษัทมีการถือหุ้นในโครงการคลังสินค้าดังกล่าวอยู่ที่ 25%

“ปีนี้ก็จะมีกำไรอยุ่ แต่ไม่รู้ว่าจะมากหรือน้อยกว่าปีก่อน ซึ่งก็เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว การเช่าก็ไม่เพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากโรงงานที่การเช่าน้อย ทำให้เราต้องแบกรับภาระค่าเสื่อมมากขึ้น และครึ่งปีแรกเราก็ยังไม่มีการขายสินทรัพย์เข้ากอง ทำให้ผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกเราติดลบ แต่ก็จะดีกลับมาในครึ่งปีหลัง"นายวีรพันธ์ กล่าว

นอกจากนี้บริษัททยังมีที่ดินเปล่าพร้อมขาย จำนวน 2 แปลง มูลค่ารวม 1.5 พันล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้สนใจซื้อ แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าจะได้ข้อสรุปของการขายที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวเมื่อไร

นายวีรพันธ์ กล่าวว่า การลงทุนคลังสินค้าให้เช่าในประเทศอินโดนีเซียแห่งที่ 2 บริษัทอยู่ระหว่างการดูที่ดินในเมืองสุราบายา โดยมีแผนจะพัฒนาเนื้อที่คลังสินค้าทั้งหมด 100,000 ตารางเมตร คาดว่าจะเริ่มลงทุนก่อสร้างคลังสินค้าให้เช่าได้ภายในปี 59 ส่วนการลงทุนโรงงานให้และคลังสินค้าให้เช่าในประเทศเวียดนาม อยู่ระหว่างการเจรจากับพันธมิตร 2-3 ราย ยังไม่สามารถมีข้อสรุปได้ในปีนี้

สำหรับโครงการพัฒนาพื้นที่โรงงานให้เช่าและคลังสินค้าให้เช่าในพม่า บริษัทได้ชะลอการลงทุนออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากพบว่าราคาที่ดินราคาสูงขึ้นมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ