ขณะเดียวกันบริษัทคาดว่าอัตรากำไรสุทธิในปีนี้จะอยู่ที่ระดับ 18% ใกล้เคียงปีก่อนที่ทำได้ 18.17% จากการควบคุมค่าใช้จ่ายและการรับงานต่างประเทศที่ให้มาร์จิ้นสูง
นอกจากนี้ บริษัทมีการขยายฐานลูกค้างานให้บริการตรวจสอบและทดสอบทางวิศวกรรมความปลอดภัย ไปยังประเทศอินโดนีเซียเป็นการร่วมมือกับพันธมิตรท้องถิ่น โดยรายละเอียดของงานยังไม่สามารถเปิดเผยได้ ซึ่งเป็นโครงการใหญ่ แต่จะมีการรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/58
"ครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตของบริษัทอย่างชัดเจนจากการขยายฐานลูกค้าไปต่างประเทศ โดยเฉพาะในอินโดนีเซียที่ตลาดออยแอนด์แก๊สมีขนาดใหญ่มาก เราสามารถเข้าไปรับงานได้อย่างคล่องตัวเพราะเรามีบุคลากรและมีพันธมิตรที่เชี่ยวชาญอยู่แล้ว ซึ่งคาดว่าจะเห็นการเติบโตของตลาดอินโดนีเซียอย่างมีนัยสำคัญตั่งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป"นางสาวชมเดือน กล่าว
สำหรับธุรกิจพลังงานบริษัทได้มีการลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ในอำเภอท่าขี้เหล็ก จังหวัดท่าขี้เหล็ก เมียนมาร์ โดยมีระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ซึ่งโครงการดังกล่าวจะมี 2 โครงการ ขนาดกำลังการผลิตไฟฟ้ารวม 20 เมกะวัตต์ โดยภายหลังได้ PPA แล้วจะใช้ระยะเวลาการก่อสร้าง 18 เดือน และคาดว่าภายในปี 60 โครงการดังกล่าวจะสามารถจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ส่งผลให้รายได้จากธุรกิจพลังงานหลังปี 60 เพิ่มเป็นมากว่า 50%
โดยโครงการโรงไฟฟ้าดังกล่าวได้มีการตั้งบริษัทย่อยเพื่อดำเนินธุรกิจพลังงานโดย TNDT ถือหุ้น 100% ใช้เงินลงทุนรวม 2 พันล้านบาทและเบื้องต้นได้มีการซื้อไฟฟ้าจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เพื่อใช้ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังดล่าวและจ่ายไฟให้แก่ประชาชนในหมู่บ้านรอบๆโรงไฟฟ้า
นอกจากนี้ยังมีโครงการเหมืองหินและเหมืองถ่านหินในพม่าโดยโครงการแรกเริ่มรับรู้รายได้ไปแล้วในปลายปี 56 ส่วนโครงการเหมืองถ่านหินแห่งที่ 2 ณ เมืองเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง ผ่านการลงนาม MOA เริ่มมีการสำรวจเพื่อพัฒนาเป็นแหล่งถ่านหินแล้วคาดว่าจะรับรู้รายได้ตั้งแต่ปลายปี 60