ทั้งนี้ จากผลประกอบการย้อนหลัง 3 ปี (ปี 55-57) ที่มีรายได้ 1,675 ล้านบาท 2,114.8 ล้านบาทและ 2,283.9 ล้านบาท เติบโตตามลำดับ รวมถึงในช่วงไตรมาส 2/58 ที่มีรายได้รวม 1,172.58 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 19.9% สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีมาโดยตลอด จึงเชื่อว่าหุ้น IPO จำนวน 120 ล้านหุ้นที่ออกนำเสนอขายให้แก่นักลงทุนในครั้งนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน
นายชวนินทร์ กล่าวว่า หลังจากทีมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เศรษฐกิจชุดใหม่มีแผนยุทธศาสตร์เพื่อผลักดันการเติบโตของประเทศไทยอย่างชัดเจน ได้ส่งผลดีต่อความเชื่อมั่นของต่อการลงทุนของภาคเอกชนที่กลับมาฟื้นตัวดีขึ้นและพร้อมกลับมาลงทุนเพื่อขยายฐานการผลิตอีกครั้ง ประกอบกับ ในช่วงปลายปี 58 ที่มีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน ทำให้การค้า การลงทุน การเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการระหว่างประเทศในภูมิภาคอาเซียนมีความคึกคักมากยิ่งขึ้น ส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ ที่มีความพร้อมให้บริการขนส่งสินค้าภาคพื้นดินแบบครบวงจรทั้งในประเทศและข้ามพรมแดนในการให้บริการแก่ลูกค้า
ขณะเดียวกัน ด้วยนโยบายของภาครัฐที่ต้องการผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางด้านโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียนจะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่นักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจเข้ามาลงทุนเพื่อใช้เป็นฐานการผลิตและส่งออกสินค้าไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคอาเซียน จึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนที่ดีต่อผู้ประกอบการธุรกิจให้บริการด้านโลจิสติกส์ของไทย
“รัฐมีนโยบายส่งเสริมดึงเม็ดเงินการลงทุนจากต่างชาติให้เข้ามาใช้ไทยเป็นฐานการผลิต เพื่อส่งออกสินค้าไปยังภูมิภาคในอาเซียน จึงเป็นโอกาสที่ดีของเรา ที่เป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ภาคพื้นดินครบวงจร สามารถนำศักยภาพด้านคลังสินค้าที่พร้อมให้บริการ ตลอดจนเทคโนโลยีเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเพื่อเพิ่มขีดความสามารถใการแข่งขัน ในการเข้าให้บริการแก่ลูกค้ารองรับการขยายตัวของโลจิสติกส์ในภูมิภาคอาเซียนได้เป็นอย่างดี" นายชวนินทร์ กล่าว