"กองทุนเปิด ทิสโก้ เยอรมัน อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8%#5"จะเน้นลงทุนในบริษัทชั้นนำของโลกที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเยอรมัน (DAX) อาทิ Bayer, Daimler, Siemens, Allianz, SAP, Deutsche Bank และ Volkswagen ผ่านกองทุนหลักคือ db x-trackers DAX UCITS ETF (DR) ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนีตลาดหลักทรัพย์เยอรมัน (DAX) โดยมีเป้าหมายเลิกโครงการที่ 8% ภายในระยะเวลา 8 เดือน หรือ ณ เวลาใดเวลาหนึ่งหลังจากเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนซื้อขายสับเปลี่ยนได้ทุกวันทำการ ซึ่งการกำหนดเป้าหมายดังกล่าว ไม่ใช่ประมาณการหรือการรับประกันผลตอบแทนว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเมื่อเลิกกองทุน
นอกจากนี้กองทุนยังมีนโยบายป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน (Hedging) ประมาณ 90% ของมูลค่าทรัพย์สินที่ลงทุนในต่างประเทศ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของอัตราแลกเปลี่ยนของเงินยูโรอีกด้วย
นายสาห์รัช กล่าวว่า เศรษฐกิจยุโรปโดยรวมยังเติบโตดีโดยมีปัจจัยเร่งจากการทำ QE เพิ่ม โดยล่าสุดธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.05% พร้อมประกาศปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำ QE โดยเพิ่มเพดานการเข้าซื้อพันธบัตรที่ออกในแต่ละรุ่นจากเดิมไม่เกิน 25% เป็นไม่เกิน 33% โดยจะเข้าซื้อพันธบัตรจำนวน 6หมื่นล้านยูโรต่อเดือน ไปจนถึงเดือน ก.ย. 59 และเพิ่ม QE ได้หากมีความจำเป็น
ทิสโก้มองว่าเยอรมันยังมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแรงที่สุดในยุโรป ล่าสุดตัวเลข PMIของเยอรมันเดือน ส.ค. ปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 53 จุด ถือว่าสูงสุดในรอบ 16 เดือน นอกจากนี้คาดว่าการขึ้นดอกเบี้ยของFed ที่อาจจะขึ้นอีก 1 ครั้งในปีนี้ จะส่งผลให้ดอลลาร์สหรัฐฯ มีทิศทางแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับยูโร ซึ่งจะช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทส่งออก ซึ่งเป็นสัดส่วนใหญ่ของตลาดหุ้นเยอรมันที่มีสัดส่วนยอดขายจากนอกประเทศถึงมากกว่า 80% อีกทั้งตลาดหุ้นเยอรมันไม่มีสัดส่วนของบริษัทในกลุ่มพลังงาน จึงไม่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน นอกจากนี้ Valuation ตลาดหุ้นเยอรมันก็ยังดูน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ Forward P/E ที่ 11-12 เท่า โดยมี Discount จาก STOXX600 อยู่ราว 16% ซึ่งสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ ดังนั้นทิสโก้จึงยังคงแนะนำให้overweight ตลาดหุ้นเยอรมัน