ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ เอ็นแฮนซ์ 41 (KTFFE41) เสนอขาย 9 -15 กันยายน 2558 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนใน MTN ที่ออกโดย Banco Santander (Brasil) SA,ออกโดย Banco Latinoamercano de Comercio Exterior, S..A.เงินฝากประจำ Bank of China (Macau),TUrkiye Garanti Bankasi A.S.และ Yapi Kradi Bankasi ในสัดส่วน 84% ของมูลคาทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนตราสารหนี้ในประเทศประเภทตั๋วแลกเงิน ของบมจ.บัตรกรุงไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.75%ต่อปี
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายรอบใหม่ (Roll Over) ของกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ทอินเวส 3เดือน3 ( KTSIV3M3) เสนอขายถึงวันที่ 11 กันยายน 2558 อายุ 3 เดือน เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชนประมาณ 78% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนใน เงินฝาก ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรรัฐบาล พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ผลตอบแทนประมาณ 1.50% ต่อปี
ส่วนผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวขึ้นลงในช่วงแคบๆ โดยความต้องการลงทุนในตราสารหนี้ปรับตัวลดลงจากความกังวลต่อการย้ายเงินออกนอกประเทศของต่างชาติถึงแม้ปัจจัยด้านเงินเฟ้อและการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ ยังไม่เอื้อต่อการปรับขึ้นอัตราผลตอบแทนก็ตาม
ทางด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อจากความต้องการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังตัวเลขเศรษฐกิจภาคการผลิตของจีนออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดการณ์ ทำให้ตลาดกลับมากังวลเกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับการที่ ECB มีแนวโน้มที่จะทำ QE เพิ่มถ้าจำเป็นและตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนสิงหาคมของสหรัฐอเมริกาที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ US Treasury เป็นที่สนใจของนักลงทุน โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง -1 bps. มาอยู่ที่ 0.71% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง -5 bps. มาอยู่ที่ 1.47% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง -6 bps.มาอยู่ที่ 2.13% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามในสัปดาห์นี้จะเป็นทิศทางเศรษฐกิจโลก และความไม่แน่นอนของช่วงเวลาที่ FED จะเริ่มปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งอาจส่งผลต่อความผันผวนของตลาดและต่อทิศทางการเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้