BBL คงเป้าสินเชื่อรายใหญ่โต 3% มองครึ่งปีหลังความต้องการสินเชื่อเพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 8, 2015 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชาญศักดิ์ เฟื่องฟู กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ (BBL) เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงเป้าหมายสินเชื่อรายใหญ่ปีนี้เติบโต 3% ซึ่งเป็นไปตามอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย (GDP) ในปีนี้ที่ประเมินว่าจะขยายตัวได้ 3% โดยในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะมีลูกค้ารายใหญ่มาเบิกใช้สินเชื่อเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะมีโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐเริ่มทยอยออกมาราว 17 โครงการ แต่จะเห็นการเบิกใช้สินเชื่ออย่างมากตั้งแต่ต้นปี 59 เป็นต้นไป

สำหรับสินเชื่อที่มีการเบิกใช้ต่อเนื่องในขณะนี้ คือ สินเชื่อที่ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและธุรกิจส่งออก อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกปัจจัยที่จะช่วยเข้ามากระตุ้นความต้องการสินเชื่ออีกหนึ่งปัจจัย คือ การลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนการประมูล 4G ที่ธนาคารมองว่าจะมีการเบิกใช้สินเชื่อออกมาเพื่อรองรับการลงทุนในกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคม

"ภาครัฐก็พยายามเร่งให้โครงการต่างๆ ออกมาเร็วที่สุด และถ้าโครงการภาครัฐออกมาก็เช่วยกระตุ้นความต้องการสินเชื่อให้เพิ่มขึ้น สินเชื่อรายใหญ่ของเราในปีนี้ก็คงจะโตไปตาม GDP ที่มองว่าโต 3% แต่ลูกค้าของเราก็ไม่ได้กระจุกตัวในกลุ่มก่อสร้าง มีการกระจายในหลายๆกลุ่ม ส่วน NPL ในภาพ so far ก็ยังปกติ"นายชาญศักดิ์ กล่าว

ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า ธนาคารประเมินค่าเงินบาทสิ้นปีนี้จะอ่อนค่ามาอยู่ที่ 36-37 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ โดยมองว่าเป็นเรื่องดีที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ เนื่องจากทำให้ภาคส่งออกและภาคท่องเที่ยวฟื้นตัวกลับมาในทิศทางที่ดีขึ้น แม้ว่าอาจจะมีผลกระกระทบต่อผู้นำเข้า

“ตอนนี้รอดูเฟดว่าจะขึ้นดอกเบี้ยตอนไหน แต่คาดว่าเขาคงขึ้นอย่างน้อย 2 ครั้งจากการประชุมที่เหลืออยู่ 3 ครั้ง ซึ่งหากมีการขึ้นดอกเบี้ยเกิดขึ้นก็จะทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอีก 2-3% แต่เรามองเป็นเรื่องดี เพราะอ่อนตามภูมิภาค ซึ่งตอนนี้ที่อ่อนค่า เพราะค่าเงินดอลล่าร์มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว"นายกอบศักดิ์ กล่าว

นายกอบศักดิ์ กล่าวว่า การประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในวันที่ 16 กันยายนนี้ คาดว่าคงไม่มีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.50% เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันต่ำมากแล้ว รวมทั้งเชื่อว่าหากมีการรลดดอกเบี้ยในขณะนี้ก็ไม่ได้กระตุ้นเศรษฐกิจ และไม่ได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อค่าเงินบาท

ส่วนอัตราการเติบโตเศรษฐกิจของไทย (GDP) ในปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ 2-3% หากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐสามารถเกิดขึ้นได้ จะทำให้เศรษฐกิจประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้ แต่สิ่งที่ประเทศไทยต้องแก้ไข คือ การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจากปัจุบันยังใช้โครงสร้างแบบเดิมที่ทำให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างช้า

“ตอนนี้เศรษฐกิจประเทศเราโตไม่ค่อยได้ เพราะใช้แพลตฟอร์มเดิม ซึ่งแบบเดิมเศรษฐกิจเราโตไม่ดี ไม่มีสิ่งใหม่ๆเข้ามากระตุ้นทำให้เราต้องปรับโครงสร้างเศรษฐกิจใหม่ทำให้ประเทศขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้"นายกอบศักดิ์ กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ