แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้ปีนี้ไม่ต่ำกว่า 4% หรือใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 4.03% โดยจะเน้นการบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ บริหารการผลิตให้มีเสถียรภาพ และการถือครองเงินสด โดยไม่เร่งการลงทุนใหม่ๆในขณะนี้
"ปัจจุบันก็เริ่มเข้าสู่ในช่วงไตรมาส 2 ของเราแล้ว หลังจากเจอภัยแล้งแล้วผ่านไป สถานการณ์ต่างๆเหมือนจะดีขึ้น แต่ก็ได้รับผลกระทบจากเหตุระเบิดเข้ามาอีกทำให้ความเชื่อมั่นของประชาชนลดลงเป็นผลกระทบต่อการจับจ่ายใช้สอย เพราะที่ดูแล้วคนทั่วไปไม่ได้ไม่มีเงิน แต่ไม่กล้าเอาออกมาใช้มากกว่า เราก็ยังต้องติดตามมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐต่อไปว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ และเรียกความเชื่อมั่นของประชาชนกลับมาได้มากแค่ไหน ซึ่งปีนี้เราก็ปรับลดเป้ารายได้ลงมาอยู่ที่ใกล้เคียงกับปีก่อน แม้ว่าในช่วงที่ผ่านมาก็ยังมีแนวโน้มที่เติบโตได้ 1-2% แต่สำหรับเราแล้วการเติบโตแค่นี้ก็ถือว่าใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้จะเน้นการถือเงินสด และ ขายของที่มีมาร์จิ้นสูงเพื่อรักษาระดับอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ไม่ต่ำกว่า 4%"นายอนันต์ กล่าว
สำหรับแนวโน้มผลประกอบการงวดไตรมาส 2 ของปี 58/59 (ก.ค.-ก.ย.58) คาดว่าจะดีกว่าไตรมาสแรก (เม.ย.-มิ.ย.58) เนื่องจากการส่งออกของอุตสาหกรรมยานยนต์ยังเติบโตได้ค่อนข้างดี ขณะที่อุตสาหกรรมก่อสร้างก็ยังขยายตัวค่อนข้างดี เนื่องจากอสังหาริมทรัพย์ตามแนวรถไฟฟ้าขยายตัวอย่างต่อเนื่อง และบริษัทก็ได้มีส่วนร่วมในโครงการรถไฟฟ้าบางสายด้วย
นายอนันต์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังมองหาการเข้าซื้อร่วมทุนและกิจการ (M&A)ทั้งในประเทศและในกลุ่มประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) โดยเน้นกลุ่มที่เกี่ยวอุตสาหกรรมยานยนต์ แต่ปัจจุบันยังไม่ได้มีความคืบหน้าไดๆ เนื่องจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการไม่อยากขายกิจการในราคาถูก ขณะที่ผู้ประกอบการบางรายมองว่าอนาคตกิจการยังจะเติบโตได้ดี