"เดิม SCN มีมูลค่างานในมือที่จะเข้าไปรับเหมาก่อสร้างและบำรุงรักษาสถานีก๊าซปตท. รวมมูลค่ากว่า 600 ล้านบาท ที่รับเงินมาแล้วแต่ยังไม่ได้ดำเนินการก่อสร้าง เนื่องจากโครงการชะลอออกไปจึงยังไม่สามารถบันทึกเป็นรายได้จากการดำเนินงานได้ แต่เมื่อราคา NGV ปรับขึ้น มองว่าปตท. จะกลับมาเพิ่มสถานีก๊าซ NGV อีกครั้ง ซึ่งจะส่งผลดีต่อเราที่จะบันทึกรายได้และกำไรในปีนี้ได้ทันที"นายฤทธี กล่าว
นายฤทธี กล่าวว่า การปรับราคาขายปลีกก๊าซ NGV ในครั้งนี้ จึงอาจเป็นจุดเปลี่ยนให้ ปตท. กลับมาตัดสินใจเดินหน้าโครงการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เพิ่มเติมอีกครั้ง ซึ่งจากแผนงานการก่อสร้างเดิมนั้นปตท. มีนโยบายสร้างสถานีบริการก๊าซ NGV เพิ่มเติมในปีนี้จำนวน 7 แห่ง ปี 59 จำนวน 9 แห่ง และปี 60 อีกจำนวน 9 แห่ง จึงเป็นโอกาสของ SCN ที่มีศักยภาพและความพร้อมเข้ารับงานรับเหมาก่อสร้างและบำรุงรักษาสถานีก๊าซ NGV ให้แก่ ปตท.
นอกจากนี้ บริษัทยังให้ความสนใจเข้ามาดำเนินธุรกิจกลุ่มสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์เพิ่มเติม เนื่องจากมองว่าในอนาคตแนวโน้มของราคา NGV ยังปรับตัวสูงขึ้นได้อีก ทำให้มีความคุ้มค่ากับการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีจากการดำเนินธุรกิจสถานีก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ โดยบริษัทสนใจเข้าดำเนินกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ตามแนวท่อก๊าซของปตท. เพิ่มอีก 2-3 แห่ง จากจำนวนโครงการทั้งหมดที่ปตท. จะเพิ่มสถานีบริการก๊าซธรรมชาติจำนวน 7 แห่งในปีนี้
ทั้งนี้ เพื่อสร้างผลการดำเนินงานให้เติบโต หลังจากที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าซื้อกิจการสถานีบริการก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์ที่อยู่ตามแนวท่อก๊าซและนอกท่อก๊าซไปแล้ว 1 แห่ง และอยู่ระหว่างการเจรจาอีก 2 แห่งซึ่งหากบรรลุข้อตกลงคาดว่าสิ้นปีนี้ SCN จะมีสถานีก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์รวม 7 แห่ง และภายในปี 59 คาดว่าจะเพิ่มอีก 5 แห่ง
"เรามองว่าราคาขายปลีกก๊าซ NGV ที่ปรับตัวขึ้นจะไม่ทำให้ผู้บริโภคเปลี่ยนไปใช้น้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่น เนื่องจากราคาก๊าซ NGV ยังมีราคาต่ำกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นถึง 50% ซึ่งในความเป็นจริงแล้วราคาก๊าซ NGV ควรมีส่วนต่างไม่เกิน 30% เพื่อเอื้อให้เกิดความคุ้มค่าต่อการลงทุนก่อสร้างสถานีก๊าซธรรมชาติ NGV เพิ่มเติม เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการและกระตุ้นให้เกิดการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นในอนาคตได้"นายฤทธี กล่าว