"เราหวังว่าแคมเปญนี้จะช่วยกระจายความเสี่ยงต่อการลงทุนในช่วงที่ตลาดหุ้นอยู่ในช่วงซบเซา ส่งผลให้ภาพรวมของภาคการลงทุนไทยดีขึ้น และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะมีส่วนส่งเสริมภาพลักษณ์การลงทุนไทย และเรียกความเชื่อมั่นในการลงทุนให้กลับมาได้"นายธงชัย กล่าว
สำหรับโครงการพาร์ค 24 เฟส 2 ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยจำนวน 3 อาคาร คืออาคาร 4, 5 และ 6 โดยมีความสูง 51 ชั้น 44 ชั้น และ 29 ชั้น ตามลำดับ รวม 1,174 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท โดยขณะนี้โครงการทั้ง 2 เฟส ได้ทำการขายไปแล้วกว่า 75% มูลค่ากว่า 8.8 พันล้านบาท
ปัจจุบันโครงการได้เริ่มลงมือก่อสร้างทั้งสองเฟสแล้ว โดยได้มอบหมายงานให้บริษัท Bouygues Thai เป็นผู้รับเหมาหลัก และโครงการได้รับการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อพัฒนาโครงการจากธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) จำนวน 7.71 พันล้านบาท ระยะเวลาปล่อยกู่ 5 ปี โดยโครงการพาร์ค 24 เฟส 1 มีกำหนดการส่งมอบโครงการในช่วงปลายปี 60 และโครงการพาร์ค 24 เฟส 2 มีกำหนดส่งมอบโครงการในช่วงกลางปี 61
"โครงการพาร์ค 24 ยังคงมีกระแสความต้องการและมีคนเข้ามาสอบถามอย่างต่อเนื่อง เพราะทำเลที่ตั้งของโครงการเป็นทำเลที่ศักยภาพ บนถนนสุขุมวิท 24 ใจกลางย่าน ดิ เอ็มดิสทริค เดินทางสะดวกทั้งจากซอย 24 และ 22 ใกล้รถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ ที่เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์และเอนเตอร์เทนเมนต์ระดับไฮเอนด์ที่ครบวงจรที่สุดของเอเชีย จึงทำให้มีความสนใจของผู้คนจำนวนมากไม่ว่าจะเป็นคนในประเทศและนักลงทุนจากต่างชาติ อีกทั้งยอดขายของบริษัทสูงถึง 8.8 พันล้านบาท ถือว่าค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับบริษัทที่เดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ถึงสิ้นปีนี้เราก็คาดว่ายอดขายก็จะถึง 1 หมื่นล้านบาทได้ และใน 2-3 ปี ข้างหน้าก็ตั้งเป้ายอดขาย 1.5 หมื่นล้านบาท"นายธงชัย กล่าว
ด้านนายพสุ ลิปตพัลลภ กรรมการบริหาร บริษัท พราว เรียล เอสเตท จำกัด กล่าวว่า ยังมีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวขึ้น และมองภาพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเป็นตัวช่วยผลักดันให้เศรษฐกิจไทยขับเคลื่อนไปได้ในสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยเช่นนี้ โดยมอบช่องการลงทุนทางเลือกใหม่ในตลาดอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคง เห็นได้จากการที่ราคาที่ดินมีแต่เพิ่มมูลค่าสูงขึ้นตลอดเวลา โดยเฉพาะในทำเลที่ดีเยี่ยมที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ อีกทั้งยังเป็นธุรกิจที่มีความเสี่ยงต่อปัจจัยผันผวนน้อยเมื่อเทียบกับธุรกิจอื่น และถ้าย้อนกลับไปช่วงวิกฤติต้มยำกุ้ง จะเห็นได้ชัดว่าธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ แต่มีการฟื้นตัวได้เร็วกว่าธุรกิจอื่นๆ