ทั้งนี้ Natsu Steel Structure Co., Ltd. เป็นผู้รับจ้างผลิต ออกแบบ และติดตั้งโครงสร้างเหล็ก และเป็นโรงงานที่ได้รับมาตรฐาน H Grade โดยมีโรงงานตั้งอยู่ที่เมืองชิบะ มีกำลังการผลิต 18,000 ตัน/ปี และมีระยะทางเพียง 10 กิโลเมตรเพื่อไปยังท่าเรือชิบะ ภายหลังการซื้อหุ้นใน Natsu Steel Structure Co., Ltd. แล้ว บริษัทแห่งนี้จะกลายเป็นบริษัทย่อยของบริษัท และจะดำเนินการเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น M.C.S.Natsu Co.,Ltd.
สำหรับผลประกอบการปีนี้ บริษัทคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านเยน โดยภาพรวมธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังว่า ยังคงมีแนวโน้มสดใส จากมูลค่างานในมือ (Backlog) ในปัจจุบันอยู่ที่ 2 แสนตัน ซึ่งยังไม่รวมโครงการขนาดใหญ่ของบริษัทในญี่ปุ่น โดยจะทยอยรับรู้ได้ต่อเนื่องถึงปี 62 และในอนาคตคาดว่าจะมีงานใหม่ทยอยเข้ามาเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
โดยเฉพาะในไตรมาส 3/58 บริษัทได้ประโยชน์จากอัตราแลกเปลี่ยนที่อ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/58 ที่ค่าเงินเยนเฉลี่ยอยู่ที่ 27 บาท ต่อ 100 เยน ส่งผลให้ในไตรมาสนี้ฯ บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากรายได้หลักส่วนใหญ่เป็นสกุลเงินเยน
“อยากให้นักลงทุนมันใจว่าผลการดำเนินงานของบริษัทยังสามารถเติบโตได้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปีอย่างแน่นอน โดยคาดว่าจะมีรายได้แตะระดับที่ 10,000 ล้านเยน จากมูลค่างานในมือที่มีอยู่ 2 แสนกว่าตัน และยังมีแผนที่จะเข้าประมูลงานใหม่ๆ มูลค่าสูงเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะงานโครงการขนาดใหญ่ในประเทศญี่ปุ่น"นายไนยวน ชิ กล่าว
นายไนยวน ชิ กล่าวต่อว่า บริษัทมีเงินสดในมือ 500-600 ล้านบาท ได้หารือกับคณะกรรมการบริษัทแล้วว่าจะมีการทำไปลงทุนทำอาคารสำนักงานให้เช่าในประเทศไทย ลักษณะตึกโครงสร้างเหล็กแบบในประเทศญี่ปุ่น แต่ต้องหาพาร์ทเนอร์ ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในไทย คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปี 59 มากกว่า ปีนี้คงไม่ทัน ทั้งนี้ เพื่อสร้างรายได้เสริมเข้ามา ส่วนมูลค่าการลงทุนยังต้องหารือ ซึ่งจะต้องดูทำเลด้วย
"หารือบอร์ดแล้ว จะลงทุนสร้างตึกใช้เหล็กเพื่อทำเป็นออฟฟิศให้เช่า แต่ต้องหาดีเวลลอปฯมาช่วย คาดเห็นปี 59 ซึ่งก็จะเป็นธุรกิจใหม่ที่จะเจนเนอเรทรายได้ เพราะตอนนี้มีเงินสดในมือ 500-600 ล้านบาท หลังจ่ายปันผลไปแล้ว ก็น่าจะนำไปลงทุน"
ปี 58 บริษัทคาดว่าผลประกอบการจะกลับสู่ภาวะปกติเฉลี่ย 10 ปีที่ผ่านมา ที่มีกำไรราว 400-500 ล้านบาท/ปี ทั้งนี้ไม่นับปี 57 ที่ถือว่าแย่สุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าปีนี้กำไรสุทธิน่าจะมากกว่า 400 ล้านบาท โดยครึ่งแรกมีกำไรสุทธิแล้ว 344 ล้านบาท สูงกว่าปี 57 ทั้งปีที่กำไร 82 ล้านบาท โดยปีนี้จะพยายามรักษาอัตรากำไรสุทธิที่ 18-20% จากครึ่งแรกได้แล้ว 19.47%
อย่างไรก็ตาม ในครึ่งหลังคาดว่าจะส่งมอบงานราว 22,000 ตัน ต่ำกว่าครึ่งแรกที่เกือบ 30,000 ตัน ซึ่งเป็นฤดูกาลปกติของบริษัทที่ครึ่งหลังจะส่งมอบงานน้อยกว่าครึ่งแรก จากเป้าทั้งปีจะส่งมอบงาน 50,000 ตัน บวกลบนิดหน่อย
"ปัจจุบันงานในมือ 2 แสนตัน ก็ถือว่าเยอะ แต่ก็หาเพิ่มเรื่อยๆ เพราะลูกค้าในญี่ปุ่นยังไงก็ต้องหาคนที่ชำนาญให้ทำงานต่อก็มั่นใจว่าจะเพิ่มงานในมือได้ไม่ยาก"