นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศุภาลัย (SPALI) กล่าวว่า ยอดขายปีนี้อาจพลาดเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.3 หมื่นล้านบาท หลังจากยอดขายในช่วง 8 เดือนแรกปีนี้ทำได้เพียง 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตัวตาม ความเชื่อมั่นและกำลังซื้อลดลง ส่งผลต่อการชะลอตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งจะเห็นได้จากโครงการคอนโดมิเนียมที่ยอดขายยังไม่ค่อยดีนัก แต่โครงการแนวราบยังสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมโอน ต่างจากรคอนโดมิเนียมที่ต้องระยะเวลาในการโอน ทำให้ลูกค้ามีเวลาในการตัดสินใจซื้อ
"จากสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่เป็นแบบนี้ยอดขายที่เราตั้งไว้ตั้งแต่ต้นปี 2.3 หมื่นล้านบาท ก็มีโอกาสหลุดเป้า แต่ก็ไม่ต่ำกว่ายอดขายในปีก่อนที่ 1.94 หมื่นล้านบาทแน่นอน ตัวเลขระดับ 2 หมื่นล้านบาทน่าจะทำได้ในปีนี้"นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวว่า ส่วนการเปิดโครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทวางแผนที่จะเปิดอีก 10-11 โครงการ แบ่งเป็น โครงการแนวราบ 7-8 โครงการ มูลค่า 7-8 พันล้านบาท และโครงการคอนโดมิเนียม 3 โครงการ มูลค่า 8 พันล้านบาท ส่วนการเปิดโครงการใหม่ในปี 59 คาดว่าจะมีโครงการเปิดใหม่และมูลค่าโครงการรวมไม่ต่ำกว่าปีนี้ที่มีจำนวนเปิดโครงการใหม่รวม 27 โครงการ มูลค่า 3.3 หมื่นล้านบาท
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมั่นใจรายได้ในปีนี้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.2 หมื่นล้านบาท โดยในครึ่งปีแรกของปีนี้บริษัทมีรายได้แล้ว 1.02 หมื่นล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) 1.14-1.15 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนในช่วงที่เหลือของปีราว 8 พันล้านบาท
"ปีนี้มั่นใจรายได้ตามเป้าแน่นอน เพราะการโอนโครงการสามารถทำได้ตามที่คาดไว้ ซึ่งเรามองๆว่าในไตรมาส 4 นี้การโอนจะมากขึ้นกว่าไตรมาส 3 และหากมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ชัดเจนออกมาอีก ก็ยิ่งจะช่วยกระตุ้นให้คนโอนมากขึ้น ไตรมาส 4 นี้ก็คงเป็นไตรมาสที่ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยให้กำไรในครึ่งปีหลังจะมากกว่าครึ่งปีแรก ส่วนงบไตรมาส 3 นี้ ถ้าเทียบกับไตรมาส 3 ปีก่อนก็อาจจะไม่ดีกว่า เพราะไตรมาส 3 ปีที่แล้วเป็นช่วงที่อะไรๆมันดูดีขึ้น แต่ถ้าเทียบกับไตรมาส 2 ปีนี้ก็ยังทรงๆตัว"นายไตรเตชะ กล่าว
นายไตรเตชะ กล่าวอีกว่า สำหรับงบซื้อที่ดินในปีนี้ที่บริษัทตั้งไว้ 6 พันล้านบาท ปัจจุบันได้ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 4 พันล้านบาท เพื่อสำหรับรองรับการพัฒนาในอีก 1-2 ปีข้างหน้า