ขณะที่ปัจจัยลบด้านการเมืองมีความเสี่ยงมากขึ้นหลังจากที่สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โหวตไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ และต้องเริ่มต้นใหม่ ทำให้การเลือกตั้งทั่วไปต้องล่าช้าไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยังขายสุทธิหุ้นไทยซึ่งมียอดสะสมราว 3.8 หมื่นล้านบาทจากความกังวลเศรษฐกิจโลกชะลอตัวอีกด้วย ขณะที่การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐในการประชุมกลางเดือนกันยายนยังไม่มีความชัดเจน มีทั้งฝ่ายที่เห็นว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
ด้านนายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.โกลเบล็ก ประเมินกลยุทธ์การลงทุนใน SET ว่าในสัปดาห์หน้าจะสามารถทดสอบ 1,400–1,420 จุด จากปัจจัยบวกจากความคาดหวังว่าจีนจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมหลังจากตัวเลขส่งออก-นำเข้าหดตัวลงต่อเนื่อง รวมถึงรัฐบาลไทยเร่งออกมาตรการกระตุ้นเพื่อกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนส่วนต่างๆทั้ง SME ผู้มีรายได้น้อย และโครงการขนาดใหญ่
ทั้งนี้แนะนำลงทุนหุ้นที่มีปัจจัยบวกรองรับ เช่น กลุ่มธนาคาร และค้าปลีก ได้อานิสงส์รัฐบาลออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ กลุ่มอาหาร และอิเล็กทรอนิกส์ ได้ประโยชน์จากค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง และกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม จากที่นักท่องเที่ยวคลายความกังวลต่อเหตุการณ์วางระเบิดหลังจากจับตัวผู้ต้องสงสัยได้แล้ว
สำหรับแนวทางการลงทุนในทองคำ นายสุทธิพงษ์ ศรีพรประเสริฐ นักวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำช่วงต้นสัปดาห์เริ่มทรงตัวในกรอบแคบๆและฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อยหลังปรับตัวลงต่อเนื่องในช่วงก่อนหน้า จากปัจจัยลบด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทางกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 173,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม จากระดับ 245,000 ตำแหน่งในเดือนกรกฎาคม
ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงสู่ระดับ 5.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2551 จาก 5.3% ในเดือนกรกฎาคม โดยก่อนหน้านี้นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 220,000 ตำแหน่งในเดือนสิงหาคม และอัตราการว่างงานจะลดลงสู่ 5.2%ขณะเดียวกันกระทรวงแรงงานสหรัฐได้ทบทวนตัวเลขการจ้างงานในเดือนมิ.ย. โดยปรับเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 245,000 ตำแหน่งจากที่มีการรายงานก่อนหน้านี้ว่าเพิ่มขึ้น 231,000 ตำแหน่ง
จากการเปิดเผยข้อมูลจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในเดือนสิงหาคม ทำให้เกิดกระแสการคาดการณ์ว่า เฟดจะยังไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ โดยเริ่มมีความเห็นต่างของเจ้าหน้าที่เฟดถึงระยะเวลาในการปรับขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นายแจนแฮทซิอุสหัวหน้านักวิเคราะห์ของโกลด์แมนแซคส์ คาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนธันวาคม ทั้งนี้ในวันที่ 16-17 กันยายนนี้ จะมีการประชุมคณะกรรรมการFOMC ของธนาคารกลางสหรัฐซึ่งต้องจับตาว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่เนื่องจากจะมีผลกระทบต่อแนวโน้มของราคาทองคำ
ดังนั้นประเมินว่าราคาทองปรับลงมาจบแนวลงรูปแบบ BEARISH FLAG ระยะสั้น ทำให้มีโอกาสฟื้นตัวช่วงสั้นจากการจบรูปแบบอย่างไรก็ตามแนวต้านกดดันจากเส้นค่าเฉลี่ย 5 และ 10 วันและแนวโน้มลงก่อนหน้ายังคงกดดันอยู่ จะทำให้การฟื้นตัวเกิดขึ้นในกรอบแคบๆเท่านั้น และมีโอกาสปรับลงรอบใหม่อีกครั้ง แนวรับ 1,100-1,093 เหรียญต่อทรอยออนซ์ และแนวต้าน 1,125-1,130 เหรียญต่อทรอยออนซ์