"ท่ามกลางปัญหาและปัจจัยเชิงลบจากทั้งภายในและภายนอกตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมา การติดอันดับในดัชนีความยั่งยืน DJSI อย่างต่อเนื่องนั้นไม่เพียงแสดงให้นักลงทุนต่างชาติเห็นถึงศักยภาพการบริหารและการดำเนินธุรกิจของปตท.หากแต่ยังเป็นการสะท้อนให้เวทีโลกเห็นถึงมาตรฐานการดำเนินธุรกิจของบริษัทคนไทยที่มุ่งเน้นความโปร่งใส การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสียอย่างเท่าเทียม ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งส่งผลระยะยาวต่อพื้นฐานเศรษฐกิจประเทศให้มีความแข็งแกร่ง ยั่งยืน และพร้อมที่จะกลับมาเติบโตได้อย่างมั่นคง"นายเทวินทร์ กล่าว
นายเทวินทร์ กล่าวว่า นอกจากผลงานการติดอันดับของ ปตท.แล้วก็ยังมีบริษัทไทยอื่นที่ได้รับคัดเลือกให้ติดอยู่ในดัชนีความยั่งยืนของดาวโจนส์ โดยเฉพาะบริษัทในกลุ่ม ปตท. ประกอบด้วย บมจ.ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) บมจ.พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) และบมจ.ไทยออยล์ (TOP) ซึ่งสถาบันผู้ทำการประเมิน “RobecoSAM" ได้ประเมินให้ผ่านการเป็นสมาชิก DJSI ครบทุกบริษัท
DJSI คือ การจัดอันดับความยั่งยืนทางธุรกิจระดับโลกที่ไม่ได้คำนึงถึงเพียงแนวทางด้านธุรกิจเท่านั้น แต่ยังมองครอบคลุมไปยังเรื่องของสังคม และสิ่งแวดล้อมในประเด็นที่เกี่ยวข้อง เช่น จรรยาบรรณทางธุรกิจ การบริหารความเสี่ยง การบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม การจัดการห่วงโซ่อุปทาน โดยกองทุนต่างๆ จากทั่วโลกใช้ดัชนี DJSI เป็นเกณฑ์ที่สำคัญในการพิจารณาการลงทุนกับบริษัทหรือองค์กรนั้นๆ เพราะมั่นใจได้ว่าบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับจะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีและยั่งยืนให้กับผู้ลงทุน โดยดัชนี DJSI สามารถชี้วัดการเติบโตอย่างยั่งยืนในด้านการดำเนินธุรกิจ ที่มีความสัมพันธ์กันระหว่างมิติด้านเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อใช้เป็นดัชนีอ้างอิงเปรียบเทียบระหว่างบริษัทชั้นนำต่างๆ ทั่วโลก
การที่กลุ่ม ปตท. ซึ่งเป็นบริษัทของคนไทยที่ได้รับเกียรติเป็นสมาชิกใน DJSI ได้รับการยกย่องในเวทีระดับโลกนั้นนับเป็นการสร้างชื่อเสียงให้แก่ประเทศ และนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของคนไทยทุกคน อีกทั้งยังสะท้อนให้เห็นถึงเป้าหมายของ ปตท. ในการที่จะมุ่งสู่การเป็นบริษัทพลังงานไทยข้ามชาติชั้นนำ (Thai Premier Multinational Energy Company) โดยมีพันธะกิจในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานของประเทศ ควบคู่กับการดูแลชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม