นอกจากนั้น บริษัทจะยังมีผลขาดทุนจากการลงทุนกับบริษัท วีโก โมบาย(ประเทศไทย)จำกัด เพื่อนำเข้าโทรศัพท์มือถือจากฝรั่งเศสแบรนด์ Wiko (วีโก) เข้ามาทำตลาดในประเทศไทย โดยอยู่ระหว่างช่วงการปรับตัวและหาวิธีที่จะเพิ่มยอดขายในสินค้าสมาร์โฟน ซึ่งคาดว่ายังต้องใช้เวลาอีกสักระยะหนึ่ง
"ปีนี้เป็นปีที่ธุรกิจบางส่วนหดตัวลง ผู้ใช้หันไปใช้สมาร์โฟนมากขึ้น จึงส่งผลให้ปีนี้ทั้งปีผลประกอบการทั้งรายได้และกำไรสุทธิ คาดว่าน่าจะใกล้เคียงกับปีก่อน แต่อย่างไรก็ตามบริษัทฯก็มีการขายสินค้าทางเทคนิคมากขึ้น และเน้นกลยุทธ์ด้านการขายในกลุ่มลูกค้าองค์กรมากขึ้น"นายสมชัย กล่าว
สำหรับการลงทุนใน บริษัท นิปปอน แพ็ค เทรดดิ้ง จำกัด ในธุรกิจสื่อโฆษณาในร้านค้าสะดวกซื้อจิฟฟี่จำนวน 150 สาขา คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/58 เป็นต้นไป หลังก่อสร้างแล้วเสร็จในช่วงปลายไตรมาส 2/58
นายสมชัย กล่าวว่า สัดส่วนรายได้ในปีนี้จะมาจากสมาร์โฟน 16%, ลูกค้ากลุ่มองค์กร (Commercial) 32%, ลูกค้าทั่วไป (Consumer) 35%, สินค้าที่มีมูลค่าสูง (Value Added) 9% และที่เหลืออื่นๆ โดยบริษัทจะพยายามเน้นกลยุทธ์ลูกค้าในกลุ่มองค์กรภาคเอกชนในต่างจังหวัดที่มีการขยายธุรกิจหรือมีอัตราการขยายตัวสูงให้มากขึ้น ซึ่งปัจจุบันถือว่ามีการเติบโตไม่มาก ขณะที่บริษัทมีแผนนำสินค้าประเภท Home Automation มาจำหน่ายและให้บริการแก่ผู้ที่มีความสนใจเกี่ยวกับเทคโนโลยีการออกแบบบ้านที่ทันสมัย เพื่อเพิ่มอัตรากำไร(มาร์จิ้น)อีกทางหนึ่ง
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อร่วมลงทุนอย่างจริงจังกับผู้ให้บริการระบบคลาวด์ (Cloud) จำนวน 2-3 ราย เพื่อดำเนินธุรกิจให้บริการเครือข่ายสำรองข้อมูล โดยที่ผ่านมามีการทดลองทำธุรกิจร่วมกันมาแล้ว 2 ปี คาดว่าน่าจะเห็นความเป็นไปได้ของการลงทุนในช่วงต้นปี 59 อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เนื่องจากมีกระแสเงินสดอยู่ราว 1,000 ล้านบาท และหนี้สินต่อทุน(D/E)แค่ 1.1 เท่า ยังสามารถกู้ยืมจากสถาบันทางการเงินได้