พร้อมกันนี้ บริษัทฯเตรียมขยายดอนเมืองเฟส 3 คาดใช้งบลงทุนราว 5-7 พันล้านบาท เพื่อรองรับอีกผู้โดยสารเพิ่มอีก 10 ล้านคน ขณะเดียวกันกำลังศึกษาตั้งกองทุนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานหรืออาจให้สายการบินลงทุนในโครงการขยายหลุมจอดเครื่องบินในท่าอากาศยานดอนเมือง คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 เดือนจากนี้ ส่วนโครวการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเฟส 2 คาดว่าจะประกาศร่างเงื่อนไขการประกวดราคา (TOR) ในเดือน พ.ย.-ธ.ค.58 และคัดเลือกผู้รับเหมาได้ภายในเดือน ก.พ.59
นายนิตินัย ศิริสมรรถการ ผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT)คาดว่า ในงวดปี 58(สิ้นสุด 30 ก.ย.)กำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 1.2 หมื่นล้านบาท โดยในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้(ต.ค.57-มิ.ย.58) มีกำไรสุทธิแล้ว 1.3 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากการเติบโตของจำนวนผู้โดยสาร โดยตั้งแต่ 1 ต.ค.57 ถึงวันที่ 4 ก.ย.58 จำนวนผู้โดยสารรวม 6 ท่าอากาศยานภายใต้ AOT สูงถึง 100 ล้านคน
"9 เดือนที่ผ่านมาเราทำกำไรได้แล้ว 1.3 หมื่นล้านบาทเหลือไตรมาสสุดท้ายซึ่งเป็น Low season ได้เข้ามาไม่มาก แต่ทั้งปีกำไรทำนิวไฮ"นายนิตินัย กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้รับผลดีจากการเติบโตของผู้โดยสารเครื่องบินทั่วโลก เช่น ยุโรป ญี่ปุ่น ซึ่งเติบโต10% และการเติบโตของสายการบินต้นทุนต่ำ(โลว์คอสแอร์ไลน์)ที่เป็นตลาดทดแทนการเดินทางทางบก รวมทั้งนักท่องเที่ยวและผู้โดยสารจากจีน เกาหลี และกลุ่มอาเซียน ซึ่งเติบโตปีละ 50%
นายนิตินัย กล่าวว่า ในงวดปีหน้า(ต.ค.58-ก.ย.59) AOT คาดว่าจำนวนผู้โดยสารจะเติบโตไม่น้อยกว่างวดปี 58 ที่มีอัตราเติบโตไปแล้ว 22% และคาดว่ารายได้จะเติบโต 15-18% ไม่น้อยกว่างวดปี 58 โดยได้รับอานิสงส์สำคัญคือการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน(AEC) และการเติบโตต่อเนื่องของโลว์คอสแอร์ไลน์
ทั้งนี้ AOT ได้ลงนามความร่วมมือกับ 10 ท่าอากาศยานซึ่งรวมประเทศในอาเซียน ได้แก่ เวียดนามที่ครอบคลุมสนามบิน 20 แห่ง, พม่า ที่สนามบินเนปิดอว์และย่างกุ้ง, สนามบินหลวงพระบางของลาว, สนามบินปักกิ่งของจีน, สนามบินมิวนิค, สนามบินคันไซ, สนามบินนาริตะ เป็นต้น ทั้งนี้ สนามบินในกลุ่มดังกล่าวจะมีความร่วมมือระหว่างกันในทางธุรกิจและการฝึกอบรมบุคคลากร
นายนิตินัย กล่าวว่า การเปิดใช้อาคารผู้โดยสารอาคาร 2(Terminal2) ที่ท่าอากาศยานดอนเมืองเลื่อนออกไปเป็นเดือน พ.ย.58 จากเดิมจะเปิดในเดือน ก.ย.58 โดยปัจจุบันดอนเมืองมีจำนวนผู้โดยสาร 22.5 ล้านคน ขณะที่มีความสามารถในการรองรับได้ 18.5 ล้านคน หากเปิดอาคารผู้โดยสารอาคาร 2 จะรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็น 30 ล้านคน ซึ่งขณะนี้ดอนเมืองมีปริมาณผู้โดยสารโลว์คอสแอร์ไลน์เป็นอันดับหนึ่งของโลกเบียดสนามบินมาเลเซีย
แนวโน้มการเติบโตของโลว์คอสแอร์ไลน์ยังมีอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น AOT จึงได้เตรียมแผนขยายอาคารผู้โดยสาร อาคาร 3 คาดว่าจะใช้งบลงทุนราว 5-7 พันล้านบาท เพื่อรองรับผู้โดยสารเพิ่มอีก 10 ล้านคน ซึ่งจะทำให้ขีดความสามารถของดอนเมืองในการรองรับผู้โดยสารเพิ่มเป็นสูงสุด 40 ล้านคน และจะเริ่มดำเนินการหลังจากการทบทวนแผนการลงทุนของบริษัทที่จะเสร็จในเดือน ม.ค. 59
อย่างไรก็ดี ขณะนี้หลุมจอดอากาศยานที่ดอนเมืองไม่เพียงพอรองรับเครื่องบินที่เข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น บริษัทจึงเตรียมจะขยายหลุมจอดโดยทางด้านเหนือของดอนเมืองสามารถเพิ่ม 20-30 หลุมจอด แต่เนื่องจาก AOT ได้วางงบลงทุนในช่วงกว่า 2 ปีนี้ไว้แล้ว ซึ่งมีเงินสดในมือ 4.5 หมื่นล้านบาท ทำให้ไม่สามารถเพิ่มงบลงทุนเพื่อขยายหลุมจอดได้ ดังนั้นจึงมีแนวคิดจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน(Infrastructure Fund)เพื่อระดมเงินมาลงทุน หรืออาจเปิดให้สายการบินเข้ามาลงทุนและใช้เป็นหลุมจอดของตนเอง คาดว่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเลือกแนวทางใดในอีก 1-2 เดือนนี้
ขณะเดียวกันงานก่อสร้างโครงการพัฒนาขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมเฟส 2 ที่มีทั้งหมด 5 สัญญา คาดว่าจะสามารถประกาศเงื่อนไขการประกวดราคา(TOR)ได้ไม่เกินเดือน พ.ย.-ธ.ค.58 และคาดว่าจะคัดเลือกผู้รับเหมาได้ในเดือน ก.พ. 59 โดยขณะนี้ร่าง TOR แล้วเสร็จทั้ง 3 สัญญา ซึ่งจะทยอยประกาศและคัดเลือกผู้รับเหมาต่อไป โดยสัญญาแรกจะเริ่มก่อสร้างในเดือน มี.ค.59 และสัญญาสุดท้ายจะเริ่มก่อสร้างเดือน มิ.ย.59