แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทจะมีการรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าประสิทธิภาพสูง High-pressure boiler ขนาด 35 เมกะวัตต์ ที่สร้างรายได้ราว 550 ล้านบาทต่อปี และกำไร 150 ล้านบาทต่อปี ซึ่งได้ดำเนินการแล้วเสร็จและเริ่มจ่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ให้แก่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ตามสัญญาชนิด firm 22 เมกะวัตต์แล้วตั้งแต่วันที่ 2 ม.ค.58
ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังของปี 58 บริษัทฯยังส่งมอบน้ำตาลประมาณ 1.7 แสนตัน ราคาเฉลี่ยมีแนวโน้มดีขึ้นกว่าไตรมาส 2/58 แต่ยังไม่สามารถประเมินทิศทางของราคาดังกล่าวได้ ขณะที่ในช่วงครึ่งปีหลังก่อนเปิดฤดูกาลหีบอ้อยในช่วงเดือนพ.ย.นี้ จะมีการซ่อมบำรุงเครื่องจักรประจำปี ทำให้บริษัทฯจะต้องมีการบันทึกค่าซ่อมแซมเข้ามา
นายทัศน์ เปิดเผยอีกว่า บริษัทคาดว่าในปี 59 ปริมาณอ้อยเข้าหีบปี 59 จะเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 ล้านตัน จากปีนี้มีปริมาณ 2.28 ล้านตัน เนื่องจากบริษัทอยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตของโรงงานน้ำตาลเพิ่มอีก 12,000 ตันอ้อยต่อวัน หรือเพิ่มอีก 50% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 23,000 ตันอ้อยต่อวัน โดยโครงการดังกล่าวดำเนินการไปแล้ว 85% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเริ่มหีบอ้อยได้ในเดือน ธ.ค.นี้ ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 3.1 พันล้านบาท
ประกอบกับโครงการนี้ได้ใช้เทคโนโลยี ดิฟฟิวเซอร์ (Diffuser) ซึ่งจะทำให้มี yield น้ำตาลดีขึ้น และน่าจะส่งผลให้ผลประกอบการปีหน้าฟื้นตัวได้ดีขึ้น
นอกจากนั้น บริษัทยังอยู่ระหว่างขั้นตอนการศึกษาผลกระทบเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมในโครงการก่อสร้างโรงงานผลิตเอทานอล 200,000 ลิตรต่อวัน คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 60 ซึ่งใช้เงินลงทุนราว 1.2 พันล้านบาท โดยจะเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตน้ำตาลได้อย่างครบถ้วน และเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งสามโครงการจะทำให้โรงงานน้ำตาลของ KBS เป็น Sugar Energy Complex ที่มีความสมบูรณ์ มีความทันสมัย สามารถแข่งขันได้กับโรงงานน่ำตาลขนาดใหญ่ทั้งในและต่างประเทศ
นายทัศน์ กล่าวว่า บริษัทยังได้ริเริ่มโครงการก่อสร้าง ไซโลปรับความชื้นน้ำตาล หรือ Conditioning Silo ที่จะใช้งบลงทุนราว 376 ล้านบาท ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการช่วยลดความชื้นในน้ำตาลก่อนส่งมอบสินค้า รวมถึงการปรับปรุงอาคารบรรจุน้ำตาลสมัยใหม่ซึ่งรองรับการผลิตน้ำตาล 1.5 พันตันต่อวัน โครงการนี้จะช่วยยกระดับคุณภาพน้ำตาล โดยเฉพาะน้ำตาลที่ส่งออกต่างประเทศ ทำให้บริษัทสามารถขายน้ำตาลในราคาที่ดีขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค.58
"เราคาดว่ารายได้ปีนี้น่าจะใกล้เคียงปีก่อน แต่กำไรสุทธิจะลดลง จากปัจจัยหลักคือราคาน้ำตาล และ White Premium ที่ลดลง รวมถึงเรายังมีการลงทุนขยายกำลังการผลิต และโครงการไซโลปรับความชื้นน้ำตาล และการปรับปรังอาคารบรรจุ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าในปี 59 ผลประกอบการน่าจะฟื้นตัวดีขึ้นได้ จากผลตอบแทนการผลิตน้ำตาลทรายขาวมีแนวโน้มดีขึ้น และเงินบาทปรับตัวลดลง อีกทั้งการขยายกำลังการผลิตจะสามารถเดินเครื่องได้ในช่วงปลายปีนี้"นายทัศน์ กล่าว