สำหรับในปี 59 บริษัทตั้งเป้าหมาย load factor ในระดับ 83-84% โดยจะมีการเปิดจุดบินใหม่ทั้งในจีนและอินเดียราว 6 จุดบิน
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ของ AAV และประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า ปีนี้ค่าใช้จ่ายน้ำมันลดลงมากถึง 30-40% เป็นผลจากราคาที่ปรับตัวลงมาก ประกอบกับปริมาณผู้โดยสารเติบโตดีโดยเฉพาะผู้โดยสารจากจีน แม้ว่าเหตุระเบิดที่สี่แยกราชประสงค์จะทำให้ยอดจองสะดุดไปบ้าง แต่ก็เป็นเพียงระยะสั้นๆ แค่ 2 สัปดาห์ และขณะนี้กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยในไตรมาส 4/58 มียอดจองเพิ่มขึ้น 15-20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคาดว่าจะเติบโตดีต่อเนื่องไปถึงไตรมาส 1-2 ของปี 59
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่าผลประกอบการในปีหน้าจะดีกว่าปีนี้ โดยตั้งเป้าหมาย Load Factor ไว้ที่ระดับ 83-84% และจะเพิ่มจุดบินใหม่ที่จีน 2-3 จุด และอินเดีย 2-3 จุดเช่นกันซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ปีหน้าจะรับมอบเครื่องบินอีก 5 ลำด้วย
สำหรับผลประกอบการของบริษัทในปีที่แล้วมีกำไรสุทธิ 183.18 ล้านบาท ขณะที่ในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ทำกำไรสุทธิได้แล้ว 712.34 ล้านบาท
นายธรรศพลฐ์ กล่าวว่า ปัจจุบันสายการบินไทยแอร์เอเชียมีผู้โดยสารจีนสัดส่วนมากที่สุดที่ 19-20% ส่วนผู้โดยสารอินเดียมีเพียง 1-2% ทำให้คาดว่ามีโอกาสเติบโตได้อีกมากซึ่งปัจจุบันมีจุดบินที่เมืองบังกาลอร์ และเชนไน
สำหรับสนามบินดอนเมืองที่ได้เลื่อนการเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารอาคารแห่งที่ 2 ล่าช้านั้น บริษัทได้รับผลกระทบบ้าง แต่การจราจรน่านฟ้ายังไม่แออัด อย่างไรก็ดีสายการบินไทยแอร์เอเชียได้กระจายฮับไปต่างจังหวัดมากขึ้น โดยล่าสุดเปิดที่สนามบินอู่ตะเภาซึ่งจะเริ่มทำการบินในวันที่ 1 ต.ค.ซึ่งจะบินไปเมืองหนานหนิงและหนานฉาง ส่วนกรณีที่บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) จะเปิดโอกาสให้สายการบินเข้าลงทุนหลุมจอดอากาศยานนั้น ก็เห็นด้วยและยินดีที่จะเข้าลงทุนหากได้รับโอกาส
ขณะที่สนามบินจะเรียกเก็บค่าคัดกรองผู้โดยสารรายละ 35 บาท ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.นี้นั้นเห็นว่าจะเป็นค่าใช้จ่ายให้กับผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จากที่เก็บค่าธรรมเนียมสนามบิน(PSC) 100บาท/รายสำหรับเที่ยวบินในประเทศ. จึงขอเสนอให้ AOT น่าจะรับภาระค่าใช้จ่ายนี้หรือช่วยรับไปครึ่งหนึ่ง สายการบินครึ่งหนึ่ง ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ตั๋วโดยสารมีราคาไม่สูงมากนัก