ขณะที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มส่วนแบ่งทางการตลาด(Market share)รถรับส่งบุคลากรให้เป็น 4% ในปี 60 จากปัจุบันอยู่ที่ 2% จากมูลค่ารวมของตลาดที่มีอยู่ราว 10,000 ล้านบาท มาจากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยหลังจากเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ(mai) ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการหาลูกค้าได้มากขึ้นอีก 3-4 รายต่อปี ซึ่งแต่ละรายมีความต้องการใช้รถรับส่งบุคลากรจำนวนประมาณ 5-10 คัน สามารถสร้างรายได้ไม่น้อยกว่าคันละ 1.5 แสนบาทต่อปี จากก่อนหน้านี้มีความสามารถบริการลูกค้าได้ 1-2 รายต่อปีเท่านั้น
อีกทั้งในปี 60 บริษัทฯจะขยายศูนย์ซ่อมบำรุง เพื่อรองรับงานซ่อมบำรุงรถขนาดใหญ่ภายนอก จากเดิมที่มีเพียงบริการซ่อมบำรุงรถของบริษัทเองเท่านั้น
นายปิยะ กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าหมายรายได้ปีนี้จะเติบโตได้มาที่ 270 ล้านบาท จาก 235 ล้านบาทในปีก่อน และกำไรสุทธิน่าจะดีกว่าระดับ 8 ล้านบาทในปีก่อน จากการขยายฐานลูกค้าเพิ่มขึ้น และการบริหารจัดการต้นทุนค่าบริการได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะที่ช่วงไตรมาส 3/58 บริษัทจะลงนามต่อสัญญาให้บริการกับลูกค้าเดิมจำนวน 3 รายที่จะหมดสัญญาในปีนี้ โดยมีมูลค่าสัญญารวม 73 ล้านบาท
"เรายังคงเป้ารายได้ปีนี้จะเติบโตมาที่ 270 ล้านบาท จากการมุ่งเน้นสร้างรายได้ให้เติบโต และบริหารจัดการต้นทุนทางการเงินให้อยู่ในระดับต่ำ ด้วยการจัดโครงสร้างทางการเงินให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น"นายปิยะ กล่าว
นายปิยะ กล่าวอีกว่า สำหรับการเข้าซื้อกิจการที่เกี่ยวเนื่องกันนั้น ที่ผ่านมาก็มีผู้มาเสนอขายกิจการให้แก่บริษัทฯ แต่บริษัทยังไม่มีความสนใจในระยะนี้ เนื่องจากบริษัทยังสามารถขยายธุรกิจที่ดำเนินการอยู่ได้อีกมาก อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ได้ปิดโอกาสในการเข้าซื้อกิจการหากมีความเหมาะสม