(เพิ่มเติม) CI เพิ่มเป้ารายได้ปี 60 แตะ 5 พันลบ.จาก 4 พันลบ.,มั่นใจปีนี้พลิกเป็นกำไร

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday September 15, 2015 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์(CI) บริษัทปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 60 แตะ 5 พันล้านบาท จากเดิมตั้งไว้ที่ 4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีการขยายจำนวนโครงการใหม่เพิ่มขึ้น

สำหรับผลประกอบการในปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าจะพลิกกลับเป็นกำไร หลังจากปีก่อนขาดทุนราว 20 ล้านบาท เนื่องจากในช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรแล้ว 99 ล้านบาท ส่วนรายได้ก็น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ 1.5 พันล้านบาท จากช่วง 6 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 600 ล้านบาท โดยในช่วงไตรมาส 4/58 จะมีการเปิดตัวโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรจากจีนในจ.พังงา มูลค่าราว 3 พันล้านบาท

ส่วนแผนงานเบื้องต้นในปี 59 บริษัทจะเปิดตัวโครงการหรูแนวราบ 2 โครงการใน กทม.มูลค่ารวม 2.8 พันล้านบาท ขณะที่เตรียมตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์(REIT) ศรีพันวาเฟส 2 ขนาดราว 1.55 พันล้านบาท และจะเข้ารับงานบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัยในเมืองไห่หนานของจีนซึ่งมีขนาดโครงการกว่าหมื่นล้านบาท

นางธีราภรณ์ ศรีเจริญวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ CI เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับเป้าหมายรายได้ 3 ปี หรือภายในปี 60 เพิ่มขึ้นเป็น 5 พันล้านบาท จากเดิมที่ตั้งเป้า 4 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีแผนการขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์ประเภทที่อยู่อาศัย และโรงแรมเพิ่มมากขึ้น ซึ่งบริษัทวางแผนขยายโครงการอสังหาริมทรัพย์อย่างน้อย 3 โครงการต่อปี มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่า 5 พันล้านบาท โดยจะเน้นโครงการประเภทไฮเอนด์ทั้งบ้าน คอนโดมิเนียม และโรงแรม

สำหรับผลการดำเนินงานในปีนี้บริษัทมั่นใจพลิกกลับมามีกำไรหลังจากปีก่อนขาดทุน 20.57 ล้านบาท โดยใน 6 เดือนแรกของปีนี้ผลการดำเนินงานกลับมามีกำไรแล้ว 99.11 ล้านบาท เนื่องจากมีโครงการทยอยโอนในปีนี้เพิ่มขึ้น ทำให้รายได้จะมากกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 1.69 พันล้านบาท โดยจะมีการโอนโครงการมากที่สุดในไตรมาส 4/58 ได้แก่ โครงการทิวทะเล 1 โครงการศรีตะวัน โครงการอีซี่คอนโดสุขสวัสดิ์ ซึ่งจะทำให้เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปีนี้ทั้งรายได้และกำไร

ปัจจุบัน บริษัทมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 3.3 พันล้านบาท และจะมีการทยอยโอนในปีนี้ไปจนถึงปี 61

ด้านยอดขายปีนี้บริษัทมั่นใจทำได้ 1.5 พันล้านบาท โดยบริษัทมียอดขายแล้ว 600 ล้านบาท ซึ่งในไตรมาส 4/58 เตรียมเปิดโครงการใหม่เพิ่มเป็นโครงการร่วมทุนกับพันธมิตรจีน คือ บริษัท จุนฟา จำกัด ชี่อโครงการ บาบาบีชคลับ พังงา มูลค่าโครงการ 3 พันล้านบาท เป็นโครงการที่อยู่อาศัยและโรงแรม ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนยอดขายให้เป็นไปตามเป้าหมายในช่วงไตรมาสสุดท้าย ขณะที่บริษัทยังมีโครงการที่เปิดไปแล้ว คือ อิสระคอลเลคชั่น สาทร มูลค่าโครงการ 807 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขาย 70% คาดว่าช่วงที่เหลือของปีนี้จะขายได้มากขึ้น

“ตอนนี้กำลังซื้อหายไปบ้าง เพราะเศรษฐกิจยังไม่ดีขึ้น ซึ่งยอมรับว่าส่งผลกระทบทุกภาคธุรกิจ โดยเฉพาะอสังหาที่ยอดขายหลายๆที่ต่ำกว่าเป้า และ มองว่าคอนโดเนียมตอนนี้มีซัพพลายเยอะทำให้การเปิดคอนโดใหม่การขายทำได้ไม่มาก แต่มองว่าช่วงสุดท้ายของปีจะได้รับแรงกระตุ้นจากภาครัฐที่ส่งนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา เรื่องนี้จะช่วยหนุนให้อสังหาเติบโตขึ้น สำหรับการเปิดออฟฟิตใหม่ช่วงนี้ยังไม่มีแผน เพราะที่ดินในกรุงเทพฯมีราคาแพง"นางธีราภรณ์ กล่าว

นางธีราภรณ์ กล่าวอีกว่า บริษัทได้วางงบซื้อที่ดินปีนี้ที่ 1.5 พันล้านบาท ใช้ไปแล้ว 900 ล้านบาทซื้อที่ดินย่านพระราม 9 และบางนาเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบระดับบนในปี 59 มูลค่าโครงการรวม 2.8 พันล้านบาท แบ่งเป็นโครงการที่พระราม 9 มูลค่า 1.3 พันล้านบาท และโครงการที่บางนามูลค่า 1.5 พันล้านบาท

ส่วนโครงการโรงแรมศรีพันวาเฟส 2 จำนวน 30 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1.15 พันล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4/58 และบริษัทวางแผนตั้งกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ใหม่ในช่วงต้นปี 59 หรือไตรมาส 1-2/59 โดยจะนำโครงการศรีพันวาเฟส 2 ขายเข้ากองทุนมูลค่า 1.55 พันล้านบาท และจะรับรู้เป็นกำไรพิเศษในช่วงครึ่งปีแรกของปี 59 โดยในอนาคตบริษัทจะนำสินทรัพย์ประเภทให้เช่าอื่นๆเข้ามาขายในกอง REIT เพิ่มเติมด้วย

ด้านแผนการขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ ในปี 59 บริษัทคาดว่าจะเข้าไปรับบริหารโรงแรมและที่อยู่อาศัยเครือจุนฟา ซึ่งเป็นพันธมิตรในจีน เป็นโครงการในเมืองไห่นาน มูลค่าโครงการรวม 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทจะได้รับรายได้จากค่าบริหารโครงการเข้ามา โดยจะบันทึกเข้ามาเป็นกำไรภายในปีหน้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ