และ INTUCH ร่วง 2.59% อยู่ที่ 75.25 บาท ลดลง 2.00 บาท
วานนี้ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)มีมติเห็นชอบให้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร(ไอซีที) ไปกำกับดูแล บมจ.ทีโอที เพื่อให้เร่งดำเนินการตามคำตัดสินของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและคำวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)ที่ให้ บมจ.แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส(ADVANC)หรือเอไอเอส ต้องจ่ายเงินชดใช้ค่าเสียประโยชน์ให้แก่ บมจ.ทีโอที จากกรณีที่ได้มีการแก้ไขสัญญาต่างๆ ซึ่งเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ AIS ในช่วงที่ผ่านมา
บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า วันนี้อาจจะมี Sentiment ลบกับหุ้น ADVANC จากประเด็นดังกล่าวได้ ถ้าราคาในวันนี้มีการปรับลดเกินกว่า 32 บาท มองว่าตลาด Overreact กับประเด็นนี้มากเกินไป
ประเด็นนี้สืบเนื่องมาจากคำพิพากษาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในกรณีขอให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดินของอดีตนายกฯทักษิณ ตั้งแต่ปี 53 ได้มีความเห็นว่าการแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่าง ADVANC กับ TOT ในส่วนแบ่งรายได้ เป็น 20% ตลอดอายุสัญญา จากเดิมที่สัญญาระบุให้จ่าย 25% ในปีที่ 11-15 และ 30% ในปีที่ 16-25 โดยมองว่าเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ ADVANC ทำให้ อดีตนายก ทักษิณ ได้รับประโยชน์จากเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทชินคอรป์ ที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ ADVANC อย่างไรก็ตามศาลมิได้มีคำพิพากษาให้ ADVANC จ่ายเงินคืนให้กับ TOT แต่อย่างใด เพียงให้ความเห็นเรื่องการแก้ไขสัญญาสัมปทานนั้นมิชอบ ด้วยการใช้อำนาจ นายกฯ ของอดีตนายก ทักษิณ ในขณะนั้นในการแก้ไขสัญญาดังกล่าว
ทั้งนี้ ตามความเห็นของเราเชื่อว่า ADVANC จะยังไม่มีการจ่ายเงินในส่วนดังกล่าวให้กับ TOT เนื่องจาก ADVANC ได้ทำตามสัญญาสัมปทานอย่างถูกต้อง ดังนั้นการที่ TOT จะเรียกร้องให้ ADVANC จ่ายผลประโยชน์คืนนั้นอาจจะต้องมีการฟ้องร้องต่อศาลต่อไปในเรื่องการที่จะให้ ADVANC คืน คาดว่าจะยังต้องใช้เวลาในเรื่องดังกล่าวอีกพอสมควร
แต่อย่างไรก็ตาม ได้มีการประเมินผลกระทบในกรณีเลวร้ายสุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ถ้า ADVANC จะต้องจ่ายเงินดังกล่าว โดยเราประเมินส่วนที่จะต้องจ่ายจากการแก้ไขสัญญาสัมปทานในครั้งนั้นจะอยู่ประมาณ 9.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งถ้าคิดผลกระทบทันทีจะได้ผลกระทบต่อหุ้นที่ 32 บาทต่อหุ้น แต่ถ้าคิดเป็น Present Value Discount WACC 8.3% จะได้ผลกระทบต่อหุ้นที่ 22 บาทต่อหุ้น จากราคาเป้าหมายเดิมของเราที่ 322 บาท ทำให้ช่วงราคาเป้าหมายปรับลดลงมา 290-300 บาทต่อหุ้น